บมจ. เอ็ม วิชั่น (MVP) ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2561 ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการซื้ออุปกรณ์สำหรับการขยายธุรกิจการจัดงาน, ใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาระบบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์, ใช้เป็นเงินทุนสำหรับก่อสร้างอาคารสำหรับเก็บอุปกรณ์ โดยคาดว่าจะใช้เงินภายในปี 63 และใช้เป็นเงินทุนในหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ, ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน คาดว่าจะใช้เงินภายในปี 62
บริษัทฯประกอบธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าโทรศัพท์มือถือและสินค้าเทคโนโลยี การจัดงานแข่งขันกีฬา ท่องเที่ยว งานสัมมนา และอื่นๆ ตลอดจนการผลิตและจำหน่ายสื่อในรูปแบบต่างๆ ทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ อีกทั้งการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งงานแสดงสินค้าที่เป็นจุดเด่นของบริษัท ได้แก่ งาน Thailand Mobile EXPO
กลุ่มประเภทการให้บริการและประเภทธุรกิจจำหน่ายสินค้าที่บริษัทดำเนินงาน สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้ดังนี้ 1. กลุ่มธุรกิจการจัดงาน (Event) 2. กลุ่มธุรกิจบริการงานโฆษณาและเอเจนซี่ (Media&Agency) บริษัทเป็นผู้ให้บริการด้านงานโฆษณาทั้งสื่อออนไลน์ (Online) และออฟไลน์ (Offline) โดยสื่อออนไลน์ 3. กลุ่มธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าในร้านค้าออนไลน์ในแบรนด์สินค้าของผู้ผลิตภายใต้แบรนด์ Samsung
บริษัทมีโครงการในอนาคตที่จะขยายลักษณะธุรกิจไปยังกลุ่มธุรกิจการจัดงาน (Event) ให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเล็งเห็นถึงโอกาสในการจัดแสดงยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) "Bangkok EV EXPO" ระหว่างวันที่ 23-26 ส.ค.61 จึงต้องใช้เงินลงทุนซื้ออุปกรณ์
นอกจากนั้นบริษัทยังมุ่งเน้นการจัดงานกีฬา เช่น การแข่งขันวิ่งมาราธอน การจัดงานการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) มากยิ่งขึ้น โดยนำรถคาราวานมาใช้จัดงาน ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธ.ค.60 บริษัทมีรถคาราวานจำนวน 33 คัน และมีแผนจัดซื้อรถเพิ่มเติมให้มีไม่น้อยกว่า 50 คันภายในปี 63 เพื่อใช้รองรับการขยายตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) ใช้งบลงทุนซื้อรถคาราวาน 17 คันราว 9 ล้านบาท แหล่งที่มาของเงินทุนจากการทำสัญญาเช่าซื้อจากบริษัทลีสซิ่ง 6 ล้านบาท และเงินทุนของบริษัทอีก 3 ล้านบาท
บริษัทยังมีแผนก่อสร้างอาคารสำหรับเก็บอุปกรณ์ เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ คาดว่าจะใช้งบลงทุน 30 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาทำเลที่เหมาะสม และคาดว่าจะลงทุนซื้อที่ดินเพื่อการก่อสร้างภายในปี 62 โดยใช้เงินจากการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) รวมกับการกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีกบางส่วน
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 60 มีสินทรัพย์รวม 138.19 ล้านบาท หนี้สินรวม 72.49 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 65.70 ล้านบาท รายได้จากการขาย 91.17 ล้านบาท รายได้จากการบริการ 192.90 ล้านบาท ต้นทุนขาย 83.74 ล้านบาท ต้นทุนบริการ 91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 29.05 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 65,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 130,000,000 หุ้น และภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้บริษัทจะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว เป็น 100,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200,000,000 หุ้น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 9 มี.ค.61 ประกอบด้วย กลุ่มนายโอภาส เฉิดพันธุ์ ถือหุ้น 41,600,000 หุ้น คิดเป็น 32% หลังเสนอขาย IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 20.80%, นายธราธร ยวงบัณฑิต ถือหุ้น 33,800,000 หุ้น คิดเป็น 26% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 16.90%, นายธีรวัฒน์ สุวรรณพินิจ ถือหุ้น 27,300,000 หุ้น คิดเป็น 21% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 13.65%, นายสาธิต ภาวศุทธิ์พันธุ์ ถือหุ้น 27,300,000 หุ้น คิดเป็น 21% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 13.65%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิภายหลังจากหักภาษี และทุนสำรองตามกฎหมาย