นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางวานนี้มีคำสั่งคุ้มครองการจัดซื้อซื้อขายรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซม และบำรุงรถโดยสาร 489 คัน วงเงินกว่า 4 พันล้านบาท รวมถึงคำสั่งให้ ขสมก. ชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการผิดสัญญาซื้อขายและจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศ NGV เป็นเงิน 1,159,969,552.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา 7.5% ต่อปี ให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด กับพวกรวม ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุดนั้นว่า เบื้องต้นทาง ขสมก.จะมีการตรวจสอบรายละเอียดและวิเคราะห์ของคำสั่งศาลให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากคำสั่งศาลปกครองกับผู้แถลงคดีอาจจะยังไม่สอดคล้องกัน และจะต้องหารือกับอัยการ ซึ่ง ขสมก.มีเวลาในการยื่นอุทธรณ์ 30 วันนับจากวันที่ศาลมีคำสั่ง โดย ขสมก.จะยื่นอุทธรณ์ในทั้ง 2 กรณี
"ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะต้องวิเคราะห์คำสั่งศาลก่อน แต่เชื่อมั่นในการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ของ ขสมก.ว่าถูกต้องตามระเบียบ"
ทั้งนี้ ขสมก.จะต้องไปดูคำสั่งศาลให้ชัดเจนเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายรถรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน และทำสัญญากับกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO" โดยมี บมจ. ช. ทวี (CHO) และ บมจ. สแกนอินเตอร์ (SCN) ซึ่ง ขสมก.ได้ทำสัญญาและได้เดินหน้ารับมอบรถ 100 คันนำมาให้บริการประชาชนไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ รถเมล์ NGV จะยังคงให้บริการประชาชนต่อไป และทั้งหมดจะต้องยึดประชาชนเป็นหลัก ขณะเดียวกัน เมื่อสัญญาเดินไปแล้ว ขสมก.จะต้องปฏิบัติตาม ก็อาจจะเป็นปัญหาอีกด้านหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประธานบอร์ด ขสมก.ได้ลาออก ดังนั้น จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการ ขสมก.ใหม่ที่มีองค์ประกอบเหมาะสมต่อไป