นายประสงค์ สุวิวัฒน์ธนชัย กรรมการและประธานคณะกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายระยะ 3 ปี (ปี 61-63) ผลการดำเนินงานจะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามปริมาณงานโครงการภาครัฐที่จะทยอยเปิดประมูลค่อนข้างมาก สะท้อนให้เห็นถึงการขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างแท้จริงตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทในระยะยาว
ทั้งนี้ ในปี 61 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 1.26 หมื่นล้านบาท และจะรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไม่ให้ต่ำกว่า 6% จากปีก่อนอยู่ที่ 7.02% โดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการรับรู้งานในมือ (backlog) ที่มีอยู่ในปัจจุบันราว 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละโครงการ
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานภาครัฐเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่าโครงการประมาณกว่า 1 แสนล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม มูลค่าประมาณกว่า 1 แสนล้านบาท, โครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง มูลค่ารวมราว 4 แสนล้านบาท และโครงการก่อสร้างสนามบินขนาดเล็ก, งานกรมชลประทาน รวมถึงงานกรมทางหลวง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ น่าจะเปิดประมูลได้ในเร็วๆนี้ และคาดจะมีการเซ็นสัญญาได้ในช่วงไตรมาส 3/61 ประกอบกับ โครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง คาดว่าจะเปิดประมูลระยะทาง 1 พันกิโลเมตรก่อน ซึ่งน่าจะได้เซ็นสัญญาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดย UNIQ คาดหวังจะได้งานดังกล่าวในสัดส่วน 20-30% ของมูลค่างานประมูล
"ปีนี้เราตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีก่อน และมาร์จิ้นไม่ต่ำกว่า 6% ซึ่งการเติบโตของรายได้จะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นั้น เราขอดูผลประกอบการในไตรมาส 1/61 ก่อนว่าจะออกมาในทิศทางไหน และน่าจะเห็นภาพชัดเจนจริงๆ ก็คงจะเป็นช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป โดยเราก็รอเข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่คาดจะออกมาได้เร็วๆนี้ และถ้าออกมาเราน่าจะได้เซ็นสัญญาในช่วงไตรมาส 3/61 และโครงการรถไฟทางคู่ ที่คาดจะออกมาราว 1 พันกิโลเมตรก่อน คาดจะเซ็นสัญญาได้ประมาณไตรมาส 3-4 นี้ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนสนับสนุนการเติบโตของรายได้ และยังสนับสนุนงานในมือของปีหน้าด้วย"นายประสงค์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงาน 3 ปีจากนี้ นอกจากการติดตามงานภาครัฐในลักษณะที่เป็นงานก่อสร้างแล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาขยายธุรกิจไปรับงานประเภทอื่นๆด้วย เช่น การเข้าไปรับงานบริหารงานมอเตอร์เวย์ หรือการเป็นโอเปอเรเตอร์ เป็นต้น อีกทั้งยังอยู่ระหว่างศึกษาการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ โดยมีความสนใจธุรกิจประเภทโลจิสติกส์, พลังงาน และพลังงานทดแทน รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเป็นการสร้างการเติบโตให้กับรายได้และกำไรสุทธิในอนาคต โดยคาดว่าหากมีจังหวะที่เหมาะสมก็จะดำเนินการได้
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดในวันที่ 12 เม.ย.ยังมีการอนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1.3 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี เพื่อใช้เป็นเงินทุนรองรับการเข้าประมูลงานภาครัฐที่มีออกมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็คต์ ซึ่งถือว่ามีมูลค่าโครงการสูง แต่อย่างไรก็ตาม หากระยะเวลาการเปิดประมูลโครงการของภาครัฐไม่ได้ติดกันจนเกินไป บริษัทก็จะพิจารณานำเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทมาใช้ในการเข้าประมูลงานดังกล่าว