โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) หลังมองปี 61 อัตราการเติบโตกำไรหลักอยู่ในเกณฑ์ดี โดยผลประกอบการจะได้รับแรงผลักดัน 2 ด้าน คือ การเพิ่มยอดขายและความสามารถการทำกำไร ซึ่งได้แรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่ดีขึ้น ส่งผลให้อัตราเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) แข็งแกร่ง ประกอบกับ บริษัทมีการบริหารงานด้วยการเน้นประสิทธิภาพ และเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตนเอง (House Brand) ช่วยหนุนมาร์จิ้น
นอกจากนี้ ยังคงมีแผนขยายสาขา "HomePro S" สโตร์รูปแบบใหม่ถึง 8 แห่งในปีนี้ แบ่งเป็น 3 แห่งช่วงครึ่งปีแรก และ 5 แห่งช่วงครึ่งปีหลัง ถือเป็นรูปแบบสาขาที่ให้มาร์จิ้นสูง เพราะใช้เงินลงทุนต่ำ แต่ยอดขายต่อพื้นที่สูงกว่ารูปแบบปกติ ซึ่งเมื่อบวกกับยอดขายสาขาเดิมปีนี้ที่คาดเติบโต 2% อีกทั้งมาร์จิ้นคาดดีขึ้นหลังเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพภายในและยกระดับคุณภาพ House Brand พร้อมเพิ่มยอดขายสินค้า Direct Sourcing อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/61 สามารถเติบโตได้เมื่อเที่ยวกับช่วงเดียวกันปีก่อนจาก SSSG ที่คาดเป็นบวกต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ราว 3.5% จากฐานต่ำในปีก่อน และการฟื้นตัวดีโดยเฉพาะสาขาใน กรุงเทพฯ และปริมณฑล
พักเที่ยงหุ้น HMPRO อยู่ที่ 14.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.33%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทรีนีตี้ ซื้อ 16.00 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 17.50 เออีซี ซื้อ 15.80 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 14.00 ฟันันเซีย ไซรัส ซื้อ 15.50 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 15.40
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดว่าอัตราการเติบโตกำไรหลักของ HMPRO ในปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดี โดยผลประกอบการจะได้รับแรงผลักดัน 2 ด้าน คือ การเพิ่มยอดขายและความสามารถการทำกำไร สำหรับการเพิ่มยอดขายปีนี้จะมีแรงหนุนมาจากการบริโภคที่ดีขึ้นของคนในประเทศ ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิมเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้ HMPRO จึงเร่งขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ส่วนความสามารถการทำกำไรมีการบริหารงานด้วยการเน้นประสิทธิภาพ และเพิ่มสัดส่วนการขายที่มีสินค้า House Brand มากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าการรับสินค้ามาจำหน่าย
"ในปีที่ผ่านมา HMPRO ได้รับแรงหนุนจากความสามารถการทำกำไร แต่ปีนี้ผลประกอบการจะได้รับแรงผลักดัน 2 ด้าน คือการเพิ่มยอดขาย โดยเฉพาะการเพิ่มกลุ่มสินค้า House Brand ที่จะช่วยให้การทำกำไรปรับตัวดีขึ้น"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า โดยประเมินว่ากำไรสุทธิของ HMPRO ในช่วงไตรมาส 1/61 จะอยู่ที่ 1,308 ล้านบาท ลดลงจากช่วงไตรมาส 4/60 ราว 14.3% ซึ่งการอ่อนต้วลงสอดคล้องกับปัจจัยฤดูกาล แต่ยังสามารถเติบโตได้เมื่อเที่ยวกับช่วงเดียวกันปีก่อน 25% มาจากยอดขายสาขาเดิมที่คาดเป็นบวกต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ราว 3.5% ส่วนหนึ่งมาจากฐานต่ำในปีก่อน และการฟื้นตัวดีโดยเฉพาะสาขาใน กรุงเทพฯ และปริมณฑล
ขณะที่มีการเปิดสาขาใหม่ไม่มากในไตรมาสนี้ โดยเปิดเพียง 1 แห่งเป็น HMPRO S และยังได้รับการตอบที่ดีต่อเนื่องจากการจัดงาน Expo ในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา จึงคาดรายได้รวมจะเติบโตราว 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดยังทำได้ดีอยู่ที่ราว 27% เพิ่มขึ้นจาก 26% ในช่วงไตรมาส 1/60 จาก Product Mix และการ Sourcing สินค้า เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายที่คุมได้ดี และไม่มีค่าใช้จ่ายเตรียมเปิดสาขา (มาเลเซีย) มากเหมือนในปีก่อน จึงคาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะลดลงมาอยู่ที่ 23% จาก 23.1% ในไตรมาส 1/60 และ 23.5% ในไตรมาส 4/60
บทวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุว่า ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ HMPRO แม้ปีนี้อาจจะชะลอการเปิดสาขาเมกาโฮมในไทยและโฮมโปรในมาเลเซีย โดยคาดว่าจะมีการขยายสาขาโฮมโปรในไทยเพียง 1-2 แห่ง ได้แก่ สาขากัลปพฤกษ์ช่วงเดือน มิ.ย. และสาขาจรัญสนิทวงศ์ช่วงปลายปี แต่ยังคงมีแผนขยายสาขา HOMPRO S ถึง 8 แห่ง แบ่งเป็น 3 แห่งช่วงครึ่งปีแรก และ 5 แห่งช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งถือเป็นรูปแบบที่ให้มาร์จิ้นสูง เพราะใช้เงินลงทุนต่ำแต่มียอดขายต่อพื้นที่สูงกว่ารูปแบบปกติ
ทั้งนี้ เมื่อบวกกับยอดขายสาขาเดิมปีนี้ที่คาดเติบโต 2% อีกทั้งมาร์จิ้นคาดดีขึ้นหลังเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพภายในและยกระดับคุณภาพ House Brand พร้อมเพิ่มยอดขายสินค้า Direct Sourcing อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คงคาดกำไรสุทธิของ HMPRO ในปีนี้ที่ระดับ 5,504 ล้านบาท เติบโตต่อได้ถึง 12.6%