หุ้น BANPU-LANNA ปิดตลาดร่วงลงสวนตลาดรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น 0.91% โดยราคาหุ้น BANPU ลดลง 4.46% มาอยู่ที่ 19.30 บาท ลดลง 0.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,492.18 ล้านบาท เมื่อเวลา 16.41 น. โดยเปิดตลาดที่ 20.20 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 20.40 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 18.90 บาท
หุ้นบมจ.ลานนารีซอร์สเซส (LANNA) ลดลง 2.65% มาที่ 14.70 บาท ลดลง 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 3.64 ล้านบาท เมื่อเวลา 16.41 น. โดยเปิดตลาดที่ 15.10 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 15.10 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 14.50 บาท
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.บ้านปู (BANPU) เช้านี้ปรับตัวลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 19.50 บาท เนื่องจากมีข่าวออกมาระบุว่าจีนอาจจะควบคุมการนำเข้าถ่านหินที่ท่าเรือทางภาคใต้ และภาคตะวันออกของจีน ซึ่งทำให้เป็นปัจจัยลบต่อ BANPU เพราะถ้าจีนมีการชะลอการนำเข้าถ่านหิน ก็อาจจะทำให้ Demand ลดลง และราคาถ่านหินก็อาจจะลดลงไปด้วย พร้อมให้แนวรับ 18.8-19.0 บาท ส่วนแนวต้าน 19.5 บาท
ด้านนางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า จากประเด็นข่าวล่าสุดที่รัฐบาลจีนได้ยืดระยะเวลาคำสั่งจัดการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศนั้น ถือเป็นไปตามกรอบเดิมที่เคยประกาศห้ามนำเข้าถ่านหินผ่านท่าเรือบางท่าเรือซึ่งมีขนาดเล็กตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-ธ.ค.60 แต่ในครั้งนี้มีการระบุว่าจะประกาศจำนวนท่าเรือที่ห้ามนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้นจากเดิม
ฝ่ายวิจัยได้สอบถามไปยังผู้บริหาร BANPU ซึ่งได้เปิดเผยว่าข่าวดังกล่าวเป็นประเด็นเดิมแต่ขยายระยะเวลามาใช้ต่อในปี 61 ซึ่งถือเป็นอีกนโยบายที่รัฐบาลจีนออกมาสนับสนุนมาตรการระยะยาวของจีนที่จะลดการใช้ถ่านหินในประเทศลง เพราะให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจากปัจจุบันที่จีนมีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในประเทศคิดเป็นสัดส่วนราว 62% จากเชื้อเพลิงทุกชนิด รวมถึงต้องการให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ถ่านหินในประเทศเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังปี 60 ตั้งแต่รัฐบาลจีนออกนโยบายควบคุมการนำเข้าถ่านหินดังกล่าวพบว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณขายถ่านหินที่ BANPU ส่งออกไปยังประเทศจีนเลย เพราะทั้งผู้ส่งออกถ่านหินและผู้ซื้อถ่านหินปรับแผนไปใช้ท่าเรือขนาดใหญ่และไม่ได้ถูกควบคุมเรื่องการนำเข้าถ่านหินแทน ประกอบกับหากพิจารณาในหลายมณฑลของจีนโดยเฉพาะทางตอนใต้พบว่ายังต้องพึ่งพาถ่านหินนำเข้า เพราะการขนส่งถ่านหินจากในประเทศทำได้ลำบาก และมีต้นทุนค่อนข้างสูงกว่าถ่านหินนำเข้า
ดังนั้น เชื่อว่าประเด็นข่าวขยายระยะเวลามาตรการควบคุมนำเข้าถ่านหินดังกล่าวในระยะสั้นคาดจะเกิดผลกระทบในเชิง Sentiment ภาพรวมต่อกลุ่มถ่านหิน ทำให้ผู้ส่งออกถ่านหินที่เคยส่งผ่านท่าเรือที่ถูกควบคุมการนำเข้าจะต้องปรับแผนการส่งออกใหม่ ซึ่งอาจทำให้ Supply ถ่านหินในตลาดเพิ่มขึ้นช่วงสั้น และกดดันต่อราคาถ่านหินในตลาด Spot ให้ปรับตัวลดลงในระยะแรก
ขณะที่ปัจจุบัน BANPU มีการส่งออกถ่านหินไปยังประเทศจีนกำลังการผลิตราว 6 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนราว 22% ของปริมาณขายถ่านหินที่ผลิตได้จากเหมืองในอินโดนีเซียของ BANPU ที่ 27 ล้านตัน และคิดเป็นสัดส่วนราว 14% ของปริมาณขายรวมของ BANPU ที่ 44 ล้านตัน แต่สัดส่วนกว่า 90% ของถ่านหินที่ส่งออกไประเทศจีนของ BANPU ส่วนใหญ่เป็นการส่งผ่านท่าเรือขนาดใหญ่ ทำให้ผลกระทบต่อประมาณการไม่มีนัยสำคัญ ดังนั้น เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 61 ของ BANPU ไว้เช่นเดิม และยังแนะนำ "ซื้อ" เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 61 ที่ 25.6 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ เชื่อราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงเป็นเรื่องของ Sentiment เชิงลบต่อกลุ่มถ่านหิน หลังจากเกิดประเด็นข่าวดังกล่าว ระยะสั้นอาจรอให้ราคาหุ้นปรับฐานเรียบร้อยแล้วหาจังหวะเข้าลงทุน