BAY เผยกำไร Q1/61 โต 9.4% QoQ และ โต 10.1% YoY จากการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อโดยเฉพาะเช่าซื้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 19, 2018 14:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 ว่า เป็นที่น่าพอใจ ด้วยกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งจำนวน 6.2 พันล้านบาท เติบโต 9.4% จากไตรมาส 4/60 และ 10.1% จากไตรมาส 1/60 แม้ว่าได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาลของการชำระคืนเงินให้สินเชื่อแต่กรุงศรียังสามารถส่งมอบสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาสที่โดดเด่น

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักสำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/2561 มาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงานและการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันและโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อที่สมดุลของกรุงศรี รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.96% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย

นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/61 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อ เพิ่มขึ้น 1.5% คิดเป็นจำนวน 22.6 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธ.ค. 60 การเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อในไตรมาส 1/2561 มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อบรรษัทญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ขณะที่บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบรรษัทไทยปรับลดลงตามปัจจัยด้านฤดูกาลของการชำระคืนเงินให้สินเชื่อ

การเติบโตของเงินรับฝาก เพิ่มขึ้น 3.8% หรือจำนวน 50.2 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธ.ค. 60 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากประจำและออมทรัพย์

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.67% ปรับลดลงจาก 3.81% ในไตรมาส 4/60 สะท้อนถึงการปรับสัดส่วนของพอร์ตสินทรัพย์

ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 15.5% หรือจำนวน 1.19 พันล้านบาทจากไตรมาส 1/60 ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง กองทุน และธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเช่าซื้อ และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบัตร กำไรจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศและรายได้หนี้สูญรับคืน

อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ อยู่ที่ 46.1% ปรับตัวดีขึ้นจาก 49.7% ในไตรมาส 4/60

สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่สุดที่ 1.96% ปรับลดลงจาก 2.05% ในเดือนธ.ค.60

อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ปรับตัวดีขึ้นมากที่ 157.0% จาก 148.4% ณ สิ้นปี 60

อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง อยู่ที่ 15.61% เทียบกับ 15.65% ณ สิ้นเดือนธ.ค. 60

สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี นายโกโตะ คาดว่า เศรษฐกิจยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ด้วยแรงสนับสนุนจากการเติบโตต่อเนื่องของภาคส่งออกและภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการเร่งเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของการลงทุนภาคเอกชนและความต้องการสินเชื่อ จากสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุน

"ธนาคารจึงยังคงประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ 4.0% และสนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อที่ครอบคลุมในทุกกลุ่มธุรกิจที่ 6-8% สำหรับปี 61"

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 กรุงศรีซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของไทยและเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.57 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.37 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.16 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 221.46 พันล้านบาทหรือเทียบเท่า 15.61% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 11.80%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ