นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 มีกำไรสุทธิจำนวน 168.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7 ล้านบาท หรือ 39.3% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2560
สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงาน 8.1% และการลดลงของสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 4.5% สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 10.6%
เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานงวดสามเดือนปี 2561 และ 2560 รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปี 2560 จำนวน 252.3 ล้านบาท หรือ 8.1% เป็นจำนวน 3,382.2 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 132.9 ล้านบาท หรือ 5.4% และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจำนวน 47.3 ล้านบาท หรือ 11.1% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัย ธุรกรรมเช่าซื้อและค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 72.1 ล้านบาท หรือ 30.1% เนื่องมาจากกำไรจากการจำหน่ายหลักทรัพย์เผื่อขาย
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนปี 2561 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2560 เพิ่มขึ้นจำนวน 186.0 ล้านบาทหรือ 10.6% สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์สินรอการขายและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน สุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่และอุปกรณ์ เป็นผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานงวดสามเดือนปี 2561 อยู่ที่ 57.2% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 อยู่ที่ 55.8%
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับงวดสามเดือนปี 2561 อยู่ที่ 3.98% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 2560 อยู่ที่ 3.77% เป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันที่ 31 มีนาคม 2561 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 213.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 219.4 พันล้านบาท ลดลง 0.3% จากสิ้นปี 2560 ซึ่งมีจำนวน 220.1 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 97.4% จาก 96.8% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 11.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ 5.2% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 อยู่ที่ 4.8% เป็นผลจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2560 อย่างไรก็ตาม ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยยังคงมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมขึ้น ตลอดจนได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้ การดำเนินการดูแลและการแก้ไขลูกหนี้ที่ถูกผลกระทบดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 อยู่ที่ 92.3% ลดลงจากสิ้นปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 93.2% ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 เงินสำรองของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 10.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 4.0 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 31 มีนาคม 2561 มีจำนวน 40.7 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 16.4% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 คิดเป็น 12.4%