นายยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกสกู๊ด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.นกแอร์ (NOK) ถือ49% เปิดเผยว่า สายการบินนกสกู๊ดเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ บินตรงจากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพ ฯ สู่สนามบินนาริตะ ญี่ปุ่น วันละ 1 เที่ยวบิบ เริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.61 เป็นต้นไป
การให้บริการเส้นทางนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการเติบโตระยะยาวของสายการบินนกสกู๊ต และจะเป็นตัวช่วยสำคัญให้การเติบโตได้ตามเป้าหมายสำหรับปีนี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวไทยมีความต้องการเดินทางเส้นทางนี้สูงมาก โดยเส้นทางนี้สายการบินนกสกู๊ตได้วางแผนเปิดตัวทำการบินตั้งแต่ในปี 57 แต่ก็ต้องระงับออกไปเพราะองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้ขึ้นธงแดงกับมาตรฐานความปลอดภัยการบินของไทย ทำให้ญี่ปุ่นระงับเที่ยวบินใหม่ที่บินเข้าญี่ปุ่น และเมื่อไทยปลดธงแดงได้ สายการบินนกสกู๊ตกลับมาดำเนินการตามแผนเดิมที่วางไว้
นายยอดชาย คาดว่า เส้นทางกรุงเทพฯ-นาริตะ ญี่ปุ่นจะมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ราว 83% ในปีแรก หรือคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารในเส้นทางไปญี่ปุ่นราว 1.5 แสนคน จากตัวเลขเป้าหมายขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JINTO) ที่คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปญี่ปุ่นราว 1.1 ล้านคนเพิ่มจากปีที่แล้วมีจำนวน 9.87 แสนคน และในปีหน้าคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไปญี่ปุ่นโดยนกสกู๊ต เพิ่มเป็น 3 แสนคน โดยสายการบินนกสกู๊ต ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 มีที่นั่ง 415 ที่นั่ง แบ่งเป็นชั้นธุรกิจ 24 ที่นั่ง และ ชั้นประหยัด 391 ที่นั่ง โดยมีตารางเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ(ดอนเมือง) เวลาเดินทาง 02.20 น.ถึงนาริตะ 10.25 น. และเที่ยวบินจากนาริตะ - ดอนเมือง เวลาเดินทาง 13.55 น. ถึงปลายทาง 18.25 น.
ทั้งนี้ สายการบินสนกสกู๊ตได้เสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษเส้นทางกรุงเทพฯ-นาริตะ ญี่ปุ่น ด้วยราคาในชั้นประหยัดเริ่มต้นเพียง 2777 บาทต่อเที่ยวบินรวมภาษี โดยโปรโมชั่นนี้สามารเดินทางได้ในช่วงวันที่ 1 มิ.ย.-27 ต.ค. 61 และสามารถเริ่มจองตั๋วเที่ยวบินในราคาพิเศษนี้ภายในวันที่ 23-25 เม.ย.61
นายยอดชาย กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวเส้นทางสู่โตเกียวครั้งนี้แล้ว สายการบินนกสกู๊ตยังมีแผนจะขยายเส้นทางบินไปในแถบภูมิภาคเอเชียเหนือ ซึ่งภายในปีนี้จะเพิ่มเส้นทางบินอื่นๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น จะเพิ่มอีก 1 เมือง จีน จะเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 เมือง เป็นต้น ซึ่งคาดจะเริ่มทำการบินได้ในไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนเกาหลีใต้ ยังต้องรอทางการไทยและทางการเกาหลีใต้ทำข้อตกลง(MOU)เกี่ยวกับการบินกันก่อนที่เกาหลีใต้จะเปิดให้บิน นิวเดลีที่ประเทศอินเดียยังติดเรื่องสิทธิการบิน ซึ่งต้องรอให้ใช้โควต้าการบินของคนอินเดียให้ถึง 80% ก่อนที่จะเริ่มให้เที่ยวบินของไทยเข้าอินเดีย ซึ่งจะทำการบิน 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์
ขณะเดียวกันวางแผนรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 จำนวน 5 ลำในปีนี้ โดยลำแรกจะรับมอบในวันพรุ่งนี้ (24 เม.ย.) เพื่อรองรับเส้นทางกรุงเทพฯ-นาริตะ และมีแนวโน้มจะรับมากกว่า 5 ลำ หากเกาหลีใต้เปิดให้บิน และอินเดียสามารถเปิดบินได้ทันในปีนี้ สายการบินนกสกู๊ตได้เตรียมความพร้อม ซึ่งได้หารือกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในการจัดหาเครื่องบินให้นกสกู๊ตเช่าเครื่องบิน ซึ่งช่วยให้ต้นทุนลดต่ำลง ทั้งนี้ สิ้นปี 60 มีเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 จำนวน 4 ลำ
นายยอดชาย คาดว่าในไตรมาส 1/61 ที่ผ่านมา Cabin Factor อยู่ที่ 88-89% เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว (High Season) และได้พลิกกลับมีกำไรแล้วหลังจากปีที่แล้วขาดทุนไม่เกิน 50 ล้านบาท และในไตรมาส 2/61 คาดว่า Cabin Factor จะมีไม่ต่ำกว่า 87% โดยทั้งปี ตั้งเป้า Cabin Factor เฉลี่ยที่ 87% ส่วนรายได้ในปีนี้โตเท่าตัวมาที่ระดับ 1 หมื่นล้านบาทจากปีก่อนอยู่ที่ 5.6 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่ารายได้จากเส้นทางญี่ปุ่นราวกว่า 10% ส่วนรายได้หลักยังมาจากเส้นทางจีน และปีนี้กลับมามีกำไร ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
"ความเสี่ยงเรื่อง Currency และน้ำมัน ซึ่งเป็นความเสี่ยงของสายการบิน เราเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ปีนี้เราได้บินไปโตเกียว ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวไทย ที่ไปซ้ำได้อีก เราคาดว่าจะเปิดบินอีก 1 เมืองในญีปุ่น จะทำให้รายได้ปีนี้ growth 100% ทั้ง ASK (ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร) รายได้ "นายยอดชาย กล่าว
ปัจจุบัน เส้นทางบินของสายการบินนกสกู๊ต มี 6 เมืองอยู่ในจีน ได้แก่ ต้าเหลียง นานกิง ชิงเต่า เทียนจิน เสิ่นหยาง และ ซีอาน และเมืองไทเป ไต้หวัน