บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) หรือดีแทค เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 ว่ามีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 474% มาอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และการปรับปรุงการตั้งสำรองสำหรับกรณีข้อพิพาทในเรื่องส่วนแบ่งรายได้กับบมจ.กสท โทรคมนาคม (กสท) นอกจากนี้ กระแสเงินสดจากการดำเนินการ (EBITDA- CAPEX) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5,800 ล้านบาท และอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 0.6 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 1.7x และเงินสดในมืออยู่ที่ 29,500 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจลงทุนในอนาคตของดีแทค
ทั้งนี้ ดีแทคยังคงประมาณการทางการเงินสำหรับปี 2561 ไว้ในระดับเดิม โดยคาดการณ์ว่ารายได้จากการให้บริการ (ไม่รวม IC) จะใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ EBITDA margin จะอยู่ในช่วง 34-36% และ CAPEX จะอยู่ระหว่าง 15,000 -18,000 ล้านบาท นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของดีแทค กล่าวว่า การรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 1/61 ซึ่งเป็นปีที่สำคัญที่สุดปีหนึ่งในประวัติศาสตร์ของดีแทค ในขณะที่สัมปทานคลื่นความถี่ใกล้จะหมดอายุลง โดยบริษัทได้ลงนามเป็นพันธมิตรกับบมจ.ทีโอที ในการให้บริการบนคลื่นความถี่ 2300 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) ซึ่งเป็นการลดความไม่แน่นอนทางธุรกิจลงได้เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังได้หารือกับ กสท เพื่อที่จะทำการเช่าอุปกรณ์เครือข่ายภายใต้สัมปทานเดิมที่กำลังจะหมดลง โดยคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการทำสัญญาเช่าระยะยาวได้ก่อนที่สัมปทานจะสิ้นสุดลง และถึงแม้ว่าจะยังไม่มีความแน่นอนในกำหนดการจัดการประมูลคลื่นความถี่เดิมจากสัมปทานที่หมดอายุ แต่ก็มั่นใจว่าเราจะสามารถให้บริการโทรศัพท์มือถือแก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ปราศจากผลกระทบใด ๆ ในช่วงระยะที่เปลี่ยนผ่านนี้
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/61 ดีแทคมีรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ลดลงเล็กน้อย 1.1% ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดบริการสื่อสารไร้สาย รายได้จากบริการระบบรายเดือนยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ตลาดบริการระบบเติมเงินยังคงเผชิญกับความท้าทาย ดีแทคได้เปิดตัวแคมเปญ "ใจดี" เสริมสร้างความคุ้มค่าผ่านทางลอยัลตี้โปรแกรม เพื่อรักษาฐานลูกค้าและดึงดูดลูกค้าใหม่
ดีแทคมีฐานลูกค้ารวมเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 1/61 อยู่ที่ 21.8 ล้านเลขหมาย โดยประมาณ 98% ลงทะเบียนใช้งานภายใต้บริษัทดีแทค ไตรเน็ต ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดีแทคที่ได้รับใบอนุญาตใช้คลื่น 2.1 GHz จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดีแทคยังคงพัฒนาเครือข่าย 4G บนคลื่น 2100 MHz อย่างต่อเนื่อง โดยได้ติดตั้งเสาส่งสัญญาณและสถานีฐานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการสิ้นสุดของสัมปทานในเดือนกันยายน 2561 โดยดีแทคมั่นใจว่าจะสามารถให้บริการลูกค้าได้ต่อเนื่องโดยไม่มีผลกระทบ ไม่ว่าการประมูลคลื่นความถี่จากสัมปทานเดิมที่หมดอายุลง จะถูกจัดขึ้นเมื่อใด
นอกจากนี้ การร่วมเป็นพันธมิตรกับทีโอทีในการให้บริการบนโครงข่ายคลื่นความถี่ 2300 MHz จะส่งผลให้เครือข่าย 4G ของดีแทคมีแบนด์วิดท์ที่กว้างที่สุดในตลาด พร้อมรองรับความต้องการในการใช้บริการข้อมูลที่สูงขึ้น และเสริมสร้างประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตไร้สายของลูกค้าบนโครงข่ายดีแทค ซึ่งปัจจุบันครอบคลุม 94% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ โดยในช่วงไตรมาส 1/61 จำนวนผู้ใช้บริการ 4G เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.5 ล้านเลขหมาย และสัดส่วนผู้ใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นมาที่ 55%
แม้ว่ารายได้รวมจะลดลงในไตรมาส 1/61 แต่ EBITDA เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาอยู่ที่ 8,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากการลดลงของค่าธรรมเนียม การอุดหนุนค่าเครื่อง และค่าใช้จ่ายในการขายและดำเนินการ แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนขยายเครือข่ายภายใต้ระบบใบอนุญาต