บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดตัวโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ในรูปแบบลักชูรี่เอาท์เล็ตด้วยร้านค้ากว่า 235 ร้านค้า ทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและแบรนด์ไทย ด้วยส่วนลด 35-70% ทุกวันตลอดปี พร้อมร้านอาหารและโรงแรม ผุดสาขาแรกทำเลใกล้สนามบินสุวรรณภูมิในไตรมาส 3/62 ด้วยเงินลงทุน 5 พันล้านบาท โดยมีพื้นที่โครงการอยู่ที่ 40,000 ตารางเมตร และเตรียมแผนขยายสาขาในประเทศอีก 2-3 แห่ง
"เราจะสร้างประสบการณ์การช้อปลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกครั้งแรกของเมืองไทย ด้วยดีไซน์ในรูปแบบสถาปัตยกรรมในสไตล์ไทยโมเดิร์นผสานความร่มรื่นของธรรมชาติกับการใช้พื้นที่เอาท์ดอร์ได้อย่างลงตัว เพื่อการมาเยือนครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การมาช้อปปิ้ง แต่ยังได้บรรยากาศการพักผ่อนพร้อมเพลิดเพลินกับการเซลฟี่มุมสวยๆ
นอกจากนี้ เรายังได้บริษัทที่ปรึกษาเอาท์เล็ตระดับโลกมาช่วยพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเอาท์เล็ตระดับโลกในประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เป็นต้น"นางวัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ CPN กล่าว
นางสาววัลยา กล่าวอีกว่า เซ็นทรัล วิลเลจ จะรวบรวมสินค้า World Famous Brand ในราคาที่คุ้มค่าไม่ต้องรอเทศกาล จะเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีกำลังซื้อและชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนม ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย รวมถึงนักท่องเที่ยว โดนที่บริษัทมองเห็นถึงการเติบโตของกลุ่มคนรักแบรนด์เนมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าเฉพาะราคาปกติเท่านั้น แต่ยังสามารถซื้อในราคาที่ลดได้เช่นกัน
ประกอบกับทำเลที่ตั้งใกล้สนามบินสุวรรณภูมิไม่ถึง 10 นาที สามารถดึงดูดลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวได้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เป็นโอกาสของการเล็งเห็นการพัฒนาโครงการเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนและรัสเซียที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปี 60 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาสูงถึง 35 ล้านคน
ด้านนายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานปฏิบัติการ CPN กล่าวว่า เซ็นทรัล วิลเลจ รวบรวมความหลากหลายของลักชูรี่แบรนด์ทั้งไทยและระดับโลกกว่า 235 ร้านค้า ทั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัว ของเล่น อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และลักชัวรี่แบรนด์และสินค้าต่างๆของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อตอบสนองความต้องการของคนทุกเพศทุกวัยทุกสัญชาติ และราคาส่วนลด 35-70% ที่มีทุกวัน
สำหรับทำเลที่ตั้งใกล้สุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินติดอันดับ 1 ที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกว่า 55 ล้านคนในปี 60 และติด 1 ใน 10 อันดับของสนามบินที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเชีย และในปี 63 คาดว่าส่วนขยายของสนามบินจะทำให้รองรับผู้โดยสารได้เป็น 60 ล้านคน/ปี โครงการจึงวางสัดส่วนกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าชาวไทย 65% และอีก 35% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ
นางสาววัลยา กล่าวต่อว่า บริษัทคาดว่าจะมีการพัฒนาเซ็นทรัล วิลเลจ เพิ่มอีก 2-3 โครงการในประเทศไทย แต่จะต้องพิจารณาทำเลที่มีศักยภาพ และมีกำลังซื้อที่ดี โดยจะเป็นการพัฒนาหลังจากที่โครงการแรกเริ่มเปิดให้บริการ ส่วนการพัฒนาศูนย์การค้าในรูปแบบเดิมของ CPN ในปี 61 วางแผนลงทุนอีก 3 โครงการ โดยตั้งงบลงทุนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่กว่า 1-1.5 หมื่นล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มรายได้รวมของบริษัทในปี 61 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท ปัจจัยหนุนมาจากการรับรู้รายได้เต็มปีของศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่งที่เปิดให้บริการในปี 60 คือ สาขานครราชสีมา และสาขามหาชัย ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดศูนย์การค้าใหม่อีก 2 โครงการ คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต ในเดือนก.ย.นี้ และ เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ (Central i-city) ในเมืองชาห์อลัม รัฐลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย ในช่วงเดือนพ.ย.นี้ จากปัจจุบัน CPN มีโครงการศูนย์การค้าภายใต้การบริหารทั้งหมด 32 โครงการ
ส่วนการรีโนเวทศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมากแล้วและทยอยแล้วเสร็จในบางโซน คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนรายได้ของบริษัท พร้อมกันนั้นในปีนี้จะเริ่มทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียมต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก ส่งผลบวกต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ