นายมงคลนิมิตร เอื้อเชิดกุล ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (เอ็กซอนโมบิล) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี มูลค่าราว 2 แสนล้านบาทในไทย เนื่องจากพบว่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทางเคมีที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในจีนและอินเดีย
"ไทยก็เป็นหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งบริษัทแม่พบว่าเราเป็นหนึ่งในประเทศที่มีโอกาสลงทุนเพิ่มเติม แต่ขณะนี้ยังเป็นเพียงการศึกษาเบื้องต้นของบริษัทแม่ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด"นายมงคลนิมิตร กล่าว
นายมงคลนิมิตร กล่าวอีกว่า ส่วนการที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ปรับสูตรราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นนั้น เป็นการปรับเพื่อใช้คำนวณค่าการตลาด โดยกรณีดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อบริษัทเพราะบริษัทไม่ได้ใช้สูตรดังกล่าว และการกำหนดราคาเป็นไปตามกลไกตลาดเสรี ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสูตรภาครัฐแต่อย่างใด
ด้านนายมาโนช มั่นจิตจันทรา ผู้จัดการการตลาดขายปลีก ของ ESSO กล่าวว่า บริษัทจะใช้เงินลงทุนเพื่อปรับปรุงและขยายสถานีบริการน้ำมันในปีนี้ราว 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.1 พันล้านบาทในปีที่แล้ว เพื่อรองรับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทมีเป้าหมายจะมีปริมาณขายน้ำมันเติบโตเท่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่คาดว่าจะขยายตัว 3-4% ในปีนี้ จากปีที่แล้วที่มีปริมาณขายน้ำมัน 3,200 ล้านลิตร และคาดหวังจะผลักดันส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันในปีนี้ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 4 โดยส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันในอันดับ 2-4 จะอยู่ในช่วง 12-15%
สำหรับแผนธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในปีนี้ บริษัทจะขยายสถานีบริการน้ำมันอีก 80 แห่ง ซึ่งในส่วนนี้ 50 แห่งจะมาจากการปรับโฉมสถานีบริการของ"เพียว" ซึ่งเป็นพันธมิตรของบริษัทมาเป็น"เอสโซ่" และอีก 30 แห่งเป็นการเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคอีสานและภาคเหนือที่ยังมีสถานีบริการน้ำมันของเอสโซ่ไม่มากนัก ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้มีสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ประมาณ 633 แห่ง
ขณะเดียวกัน จะปรับปรุงโฉมสถานีบริการน้ำมันเดิมตามโปรแกรม Synergy Image ซึ่งเป็นการปรับรูปโฉมให้เป็นไปตามมาตรฐานของสถานีบริการน้ำมันเอ็กซอนทั่วโลก ที่จะมีความทันสมัยมากขึ้น โดยขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว 6 แห่ง และจะปรับให้ครบ 200 แห่งภายในปีนี้ โดยมีเป้าหมายจะปรับโฉมให้ครบทุกสถานีบริการภายในปี 63
"ปีนี้เราคาดว่าจะโตก้าวกระโดด เราตั้งเป้า conservative โตเท่าจีดีพี แต่เราก็คาดว่าจะโตมากกว่านั้น เกิดจากการปรับแบรนด์ การขยายเน็ตเวิร์ก ปรับปรุงสถานีบริการ การออกแคมเปญใหม่ ๆ ปรับโฉมภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น การขายสินค้าพรีเมียมต่าง ๆ"นายมาโนช กล่าว
ณ สิ้นปี 60 บริษัทมีสถานีบริการ 553 แห่ง โดยมีการเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่ทั้งสิ้น 27 แห่ง และมีร้านค้าพันธมิตรทางธุรกิจ 307 ร้าน และมีสมาชิกบัตรสะสมคะแนน "เอสโซ่ สไมล์ส" มากกว่า 1.3 ล้านบัตร และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 2 ล้านบัตรภายในปีนี้
นายสุชาติ โพธิ์วัฒนะเสถียร ผู้จัดการโรงกลั่น ESSO กล่าวว่า มาร์จิ้นของโรงกลั่นในปีที่ผ่านมานับว่าเป็นปีที่ดี เพราะค่าการกลั่นอยู่ในภาวะที่สนับสนุนให้บริษัททำกำไรได้ดี อย่างไรก็ตาม ยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ค่าการกลั่นในอนาคต แต่บริษัทก็จะดำเนินนโยบายเพื่อให้แน่ใจว่าการกลั่นจะอยู่บนหลักพื้นฐานความปลอดภัยและไม่มีการหยุดผลิตโดยไม่มีการวางแผนไว้ รวมถึงการที่จะพยายามทำให้เกิดมาร์จิ้นสูงที่สุดในกระบวนการกลั่น
โดยในทุกปีจะมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้สามารถทำการกลั่นได้มีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องการใช้พลังงานในการกลั่นให้น้อยที่สุด เพราะค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานนับว่าสูง ซึ่งเมื่อปีที่แล้วบริษัทได้มีการนำพลังงานที่สูญเสียไปกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการกลั่น ทำให้โรงกลั่นสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงการในลักษณะนี้ในอนาคตก็จะพิจารณาอย่างต่อเนื่อง และหากคุ้มทุนก็จะลงทุน
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/60 โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ได้หยุดซ่อมแซมและปรับปรุงประสิทธิภาพ ทำให้การดำเนินงานโรงกลั่นและการผลิตที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 60 โดยประสิทธิภาพการกลั่นที่สูงขึ้นมาจากการกลั่นและการใช้น้ำมันดิบจากแหล่งผลิตใหม่ ๆ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์ของโรงกลั่น โดยในปีที่ผ่านมาโรงกลั่นสามารถผลิตน้ำมันสำเร็จรูปชนิดเบา และน้ำมันสำเร็จรูปกึ่งหนักได้สูงขึ้น
ขณะเดียวกันโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มผลกำไรและประสิทธิภาพของการใช้ต้นทุนการผลิต ด้วยการดำเนินหลายโครงการ เช่น โครงการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต และการเลือกใช้น้ำมันดิบที่หลากหลายซึ่งในปี 60 โรงกลั่นใช้น้ำมันดิบจากแหล่งผลิตใหม่ถึง 10 แห่ง ,การใช้ประโยชน์จากสภาวะน้ำมันดิบชนิดเบาและมีกำมะถันต่ำปรับราคามาใกล้เคียงกับน้ำมันชนิดหนัก ทำการเพิ่มผลผลิตที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรดีในปริมาณมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทได้ลงทุนระบบจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการดำเนินงานและรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ได้แก่ โครงการปรับเปลี่ยนระบบเพื่อรองรับน้ำมันเกรดพรีเมียม ,การปรับปรุงระบบให้ความร้อนถังเก็บและจำหน่ายยางมะตอย เพื่อรองรับการขายที่มากขึ้น ,การเพิ่มประสิทธิภาพของคลังจ่ายน้ำมัน เพื่อรองรับการขายผลิตภัณฑ์ให้กับประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มมากขึ้น และการปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการสั่งจ่ายผลิตภัณฑ์ของคลังจ่ายน้ำมัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการผสมสูตรการผลิตและการดำเนินการจัดส่ง
อนึ่ง ESSO เป็นโรงกลั่นน้ำมันขนาด 1.77 แสนบาร์เรล/วัน โดยปัจจุบันกลั่นน้ำมันราว 1.74 แสนบาร์เรล/วัน และมีโรงงานอะโรเมติกส์ผลิตพาราไซลีน 5 แสนตัน/ปี