PACE เดินหน้าขายสินทรัพย์ล้างหนี้ B/E-เงินกู้ 1.5 หมื่นลบ.ภายในปี 62 พร้อมเล็งขึ้นโครงการใหม่,คาดผลงานพลิกฟื้น H2/62

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 24, 2018 18:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาขายสินทรัพย์เพิ่มเติม หลังจากได้ขายบางส่วนของโครงการมหานครให้กับกลุ่มคิงเพาเวอร์ไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อทยอยลดหนี้ตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) และเงินที่มีกับสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมดที่มีอยู่ 1.5 หมื่นล้านบาทภายในปี 62 ซึ่งไม่รวมหนี้จากการออกหุ้นกู้ระยะยาว

หลังจากบริษัทได้รขายโรงแรมและจุดชมวิวให้กับบริษัท กลุ่มคิง เพาเวอร์ มหานคร จำกัด มูลค่าราว 1.4 หมื่นล้านบาท ก็ได้นำเงินเข้าซื้อหุ้นในบริษัทย่อยคืนจากบริษัท อพอลโล เอเชีย สปริ้นท์ โฮลดิ้ง คอมปานี ลิมิเต็ด (อพอลโล) และโกลด์แมน แซคส์ อินเวสเมนท์ส โฮลดิ้ง (เอเชีย) ลิมิเต็ด (โกลด์แมน) คิดเป็นมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท

ส่วนที่เหลืออีกราว 4 พันล้านบาทไปใช้คืนหนี้ตั๋ว B/E อีก 1.8 พันล้านบาท และเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และบางส่วนเป็นหนี้ของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งเป็นหนี้ในการลงทุนพัฒนาโครงการ (Project Finance) โดยที่บริษัทจะเริ่มทยอยลดหนี้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ทำให้หนี้สินในช่วงกลางปี 61 ลดลงเหลือราว 1 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินรวมอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อนที่อยู่ในระดับ 2 หมื่นล้านบาท หลังจากได้เงินเพิ่มทุนเข้ามาในช่วงต้นปี 61 และจะทยอยลดลงเหลือหลักพันล้านบาทในปี 62 และคาดว่าจะทยอยลดจนเกือบทั้งหมดภายในสิ้นปี 62 ซึ่งยังไม่รวมหนี้สินระยะยาวที่เป็นหุ้นกู้มูลค่า 1.21 พันล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนภายในปี 63

บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขายห้องชุดในโครงการเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ในโครงการมหานคร ที่เหลืออยู่จำนวน 53 ห้อง ซึ่งมีผู้สนใจหลายราย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ กลุ่มคิงเพาเวอร์ โดยบริษัทคาดว่ามูลค่าการขายจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท แต่ไม่เกิน 5 พันล้านบาท น่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

พร้อมกันนั้น บริษัทเตรียมเจรจาขายที่ดินในโครงการนิเซโกะ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ให้กับกลุ่มทุนชาวฮ่องกงที่มาแสดงความสนใจซื้อ ซึ่งคาดว่าจะได้เงินเข้ามาราว 500 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ทั้งหมดจะนำไปทยอยคืนหนี้ เพื่อทำให้บริษัทมีภาระหนี้สินลดลง

ขณะที่แผนงานการดำเนินธุรกิจต่อไปหลังจากบริษัทสามารถปลดล็อกปัญหาทางการเงินได้แล้วนั้น บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 จะเริ่มกลับมาลงทุนพัฒนาในโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม หรืออาคารสำนักงานให้เช่าอีกครั้ง ซึ่งจะกลับมาทำโครงการที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท แต่ยังเป็นโครงการระดับบนในทำเลกรุงเทพฯ ที่ใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่เกิน 3 ปี แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินที่เหมาะสม

"การเริ่มกลับมาลงทุนพัฒนาโครงการใหม่อีกครั้งอาจจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า แต่คงเป็นโครงการที่มีขนาดไม่ใหญ่อย่างโครงการมหานครที่ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 10 ปี โครงการต่อไปเราก็ยังคงอยู่ในกรุงเทพฯ และยังเป็นโครงการระดับบนอยู่ การก่อสร้างคงไม่เกิน 3 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาและการหาที่ดิน ตอนนี้เราก็ค่อยๆเป็นการลงทุนไปก่อน เพราะยอมรับว่าที่ผ่านมาเราลงทุนหนักและเร่งจนเกินไป ทำให้เราเกิดวิกฤตการเงินและสภาพคล่อง ช่วงนี้ก็ยังคงเดินหน้าก่อสร้างโครงการเดิมและทยอยขายโครงการที่เปิดขายไปแล้วไปก่อน"นายสรพจน์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในและต่างประเทศ 2-3 รายที่สามารถสนับสนุนด้านเงินทุนและมีความสามารถในการพัฒนาโครงการ Welness Center ในโครงการมหาสมุทร คันทรี่คลับ ซึ่งเป็นโซนสโมสรที่ยังไม่ได้พัฒนาอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้พันธมิตรเข้ามาช่วยต่อยอดและหารูปแบบดึงดูลูกค้าเข้ามาซื้อวิลล่าตากอากาศให้เพิ่มมากขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมามียอดขายเพียง 17 หลัง จากทั้งหมด 80 หลัง คาดว่าจะได้ข้อสรุปของพันธมิตรภายในปีนี้

นายสรพจน์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 เนื่องจากจะมีการเริ่มทยอยโอนคอนโดมิเนียม 2 โครงการตั้งแต่ไตรมาส 3/62 ได้แก่ นิมิต หลังสวน มูลค่า 8 พันล้านบาท มียอดขายแล้ว 95% และ วินด์เชลล์ ถนนราธิวาสราชนครินทร์ มูลค่า 3 พันล้านบาท ที่มียอดขายแล้วราว 500 ล้านบาท

ส่วนร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม Dean & Deluca บริษัทคาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรในปี 62 เช่นกัน หลังจากปีนี้มีกระแสเงินสดพลิกกลับมาเป็นบวกแล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทกลับมาฟื้นตัวขึ้น

พร้อมกันนั้น บริษัทยังมองหาพันธมิตรในจีนเพื่อเปิดตลาดร้าน Dean & Deluca โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรรายใหญ่ของจีน 1 ราย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะตัดสินใจให้เข้ามาร่วมลงทุนขยายสาขา Dean & Deluca ในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่บริษัทมองว่าเป็นโอกาสของการขยายสาขา และหลังจากนั้นจะเป็นการขยายสาขาในรูปแบบเฟรนไชส์ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ