นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ไม่น่าจะปรับตัวลงมาก แม้ว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบกัน จากความกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(Bond Yield) ของสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นไปทะลุ 3% มองว่าเป็นแค่ผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
การปรับขึ้นของ Bond Yield สหรัฐฯยังมองว่าไม่น่ากังวลมากนัก เพราะเป็นความสอดคล้องตามเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อีกทั้งขึ้นตามราคาน้ำมันด้วย ซึ่งหากมองเงินเฟ้อสหรัฐฯก็ถือว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของหสรัฐฯ ที่เอื้อต่อเศรษฐกิจที่ขยายตัว
ทั้งนี้ มองว่าตลาดบ้านเราไม่น่าจะตอบรับมาก ซึ่งหากมองที่ Bond Yield ของไทยก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปตามสหรัฐฯบ้าง เพียงแต่ตอนนี้เงินเฟ้อของเราต่ำ ซึ่งหากมีการปรับขึ้น Bond Yield ของไทย ก็ทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจขายตราสารหนี้ออกมา และเมื่อใดที่ Bond Yield สูงขึ้น ก็อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่า ดังนั้น จะมีผลต่อกลุ่มส่งออก อย่างไรก็ดี หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มธนาคาร
พร้อมแนะนำให้ทยอยเก็บหุ้นในกลุ่มธนาคาร เพราะที่สุดแล้วก็จะได้รับประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,780-1,800 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 เม.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,024.13 จุด ร่วงลง 424.56 จุด (-1.74%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,634.56 จุด ลดลง 35.73 จุด (-1.34%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,007.35 จุด ลดลง 121.25 จุด (-1.70%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 159.50 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 16.53 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 149.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 37.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 19.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 22.19 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.86 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 เม.ย.61) 1,788.20 จุด ลดลง 1.94 จุด (-0.11%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,676.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 เม.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 เม.ย.61) ปิดที่ระดับ 67.70ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 เม.ย.61) ที่ 6.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.47 แนวโน้มยังอ่อนค่า มองกรอบ 31.40-31.55 หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง
- คสช.เห็นชอบออก ม.44 ช่วยทีวีดิจิทัล เคาะ 3 แนวทาง "พักชำระ 3 งวด -ลดค่าเช่าโครงข่าย 50%-เปิดทาง"ขายไลเซ่นส์" ด้าน "สุภาพ" ออกโรงหนุนเปรียบมาตรการเหมือนบันไดหนีไฟ ช่วยสภาพคล่องดีรอวันเศรษฐกิจฟื้น โบรกฯชี้ช่อง 3 ได้ประโยชน์สุด หุ้นพุ่งขานรับทั้งกลุ่ม ขณะที่ราชกิจกาฯเผยแพร่คำสั่ง "ประยุทธ์" ล้มสรรหา กสทช.ให้ชุดเดิมทำหน้าที่ยาว
- กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติหวังเปิดประมูลเอราวัณ-บงกชจะทำให้ราคาก๊าซฯต่ำลง เป็นผลดีลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน เหตุกำหนดเงื่อนไขให้คะแนน 65% ยึดราคาก๊าซถูก ส่วนกำไรที่จะเสนอให้รัฐให้น้ำหนักเพียง 25% เปิดดาวน์โหลดข้อมูลได้วันนี้ (25 เม.ย.) เผย 28 พ.ค.นี้ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ ก่อนให้เสนอด้านเทคนิคและผลประโยชน์ให้รัฐ
- สถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรกของปี 61 (ม.ค.-มิ.ย.) คาดว่า ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% สร้างรายได้สูงถึง 1.16 ล้านล้านบาท และสูงกว่าปีก่อนถึง 16% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายรวมตลอดทั้งปีที่ตั้งเป้าหมายไว้ 2 ล้านล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเดินทางเที่ยวไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเอเชีย อย่างจีน ที่เพิ่มขึ้นถึง 30% อินเดีย เติบโต 15% ส่วนนักท่องเที่ยวจากตะวันตก ที่มีการใช้จ่ายสูง อย่างสหรัฐ เติบโต 9% แม้มีแรงกดดันจากปัจจัยด้านการเมืองระหว่างประเทศ และค่าเงินบาทแข็งค่าก็ตาม
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยทางศูนย์ฯ ได้ศึกษาผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในกรณีที่ทั้ง 2 ฝ่ายใช้มาตรการทางภาษีกีดกันสินค้าระหว่างกันพบว่าทั้ง 2 ประเทศจะหันมานำเข้าสินค้าจากไทยเข้าไปทดแทนมากขึ้นและจะส่งผลให้ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 8,072-20,180 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.10-0.25% ของการส่งออกไทย และมีผลต่อจีดีพี 0.01-0.04%
*หุ้นเด่นวันนี้
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/61 โต 13% Q-Q และ 25% Y-Y อยู่ที่ 186 ล้านบาท จากรายได้ที่คาดโต 8-10% Y-Y สะท้อนด้วยยอดนำเข้าสินค้าไอที ม.ค.-ก.พ. ที่โตสูง 17% Y-Y อีกทั้ง อัตรากำไรสุทธิจะยืนเหนือ 2% ได้ต่อเนื่องจาก 4Q60 เพราะผลของ Product Mixed และการบริหารคลังสินค้า+เงินทุนหมุนเวียนได้ดีขึ้น ด้าน PE2561 อยู่ที่ 14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 17 เท่า ขณะที่ ราคาหุ้น -12% YTD ยัง Laggard ทั้ง COM7 +19% YTD และ SIS +13% YTD อยู่มาก ทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้แตกต่างกัน
- MONO (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 5.30 บาท คาด Q1/61 เติบโตแข็งแกร่งทั้ง QoQ และ YoY จากค่าโฆษณาที่ปรับเพิ่มขึ้นตามอันดับเรตติ้ง หลังขึ้นเป็นอันดับ 3 ได้ตลอดช่วง Q1/61 โดยอัตราค่าโฆษณาต่อนาที ถึงเดือนก.พ. 61 อยู่ที่ 35,000 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 25% จากเฉลี่ย 28,000 บาท เมื่อปี 60 ขณะที่ MONO ตั้งเป้าค่าโฆษณาเฉลี่ยปี 61 ที่ 40,000 บาท/นาที พร้อมคาดปี 61 กำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งกว่า 5 เท่า จากค่าโฆษณาที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงไม่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับการงดออกอากาศในช่วงเดือนตุลาคม เหมือนปี 59 และปี 60
- BLA (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 39 บาท ได้ประโยชน์โดยตรงจากแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐ และของไทยที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากพอร์ตลงทุนส่วนใหญ่ของบริษัทลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เมื่อ Bond yield สูงขึ้นจะทำให้กำไรจากพอร์ตการลงทุนเพิ่มขึ้น