ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,779.52 จุด ลดลง 8.68 จุด (-0.49%) มูลค่าการซื้อขาย 65,018.58 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,787.00 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,772.35 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 430 หลักทรัพย์ ลดลง 848 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 469 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบ ตามดาวโจนสี์ที่ปรับตัวลงไปมาก และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างก็ติดลบราว 0.5-1% เป็นผลจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) พุ่งแรงทะลุ 3% ขึ้นไป ซึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯดี และกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯก็ออกมาดีด้วย ทำให้ไปกดดันตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ไปบ้าง แต่ก็เป็นแรงกดดันภายใต้เศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมีที่ปรับตัวลงไป โดยเฉพาะหุ้น PTT ที่เทรดพาร์ใหม่แล้วก็น่าจะย่อตัวลงบ้าง และผลประกอบการของ SCC ก็ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดด้วย ทำให้ไปกดดันตลาดฯด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ภาพตลาดฯที่ย่อตัวลงนี้ก็เป็นโอกาสที่จะเข้าไปซื้อ และเมื่อปรับตัวขึ้นก็ควรจะขาย
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) นายวิจิตร กล่าวว่า ภาพตลาดฯยังเป็นลักษณะของการพักฐานอยู่ แต่ก็ยังน่าจะตั้งรับได้โดยมองหุ้นที่น่าสนใจเป็น หุ้น IVL, PTT, CPALL เป็นต้น ซึ่งหุ้น PTT ก็คงจะต้องรอให้ปรับฐานให้เสร็จก่อน พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป และติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในประเด็นของ QE จะออกมาเป็นอย่างไร
พร้อมให้แนวรับ 1,765 จุด ส่วนแนวต้าน 1,790 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 8,996.16 ล้านบาท ปิดที่ 57.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,522.07 ล้านบาท ปิดที่ 190.00 บาท ลดลง 4.50 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 3,129.81 ล้านบาท ปิดที่ 474.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,776.11 ล้านบาท ปิดที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,468.02 ล้านบาท ปิดที่ 134.00 บาท ลดลง 4.00 บาท