นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้อีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนธุรกิจท่อร้อยสายไฟใต้ดินมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการงานสายไฟลงดินทั้งจากภาครัฐและเอกชน
ล่าสุด บริษัท เมฆา-เอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าทำกิจการร่วมค้า กับ บริษัท เอ.ที.อี.เทเลคอม คอนสตรัคชั่น จำกัด ภายใต้ชื่อ "กิจการร่วมค้า เอ.ที.อี.เมฆา-เอส" โดยถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 เพื่อดำเนินการยื่นซองประกวดราคา,เสนอราคา และทำสัญญารับจ้างเหมางานก่อสร้างและออกแบบโครงการ เพื่อการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคเกี่ยวกับสายส่งไฟฟ้ากำลังและสายสัญญาณสื่อสาร และเพื่อรับงานท่อร้อยสายไฟใต้ดิน ซึ่งบริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนธุรกิจท่อร้อยสายไฟใต้ดินมากขึ้น เพื่อรับมือกับความต้องการในระยะยาวในธุรกิจท่อร้อยสายไฟ
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อมาเติมงานในมือ (Backlog) ให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันมีงานในมือที่เตรียมทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 800 ล้านบาท อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเสนองานอีกไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท จึงทำให้คาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 10-20% หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ 25-30%