บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) คาดสรุปเจรจาพันธมิตรเวียดนาม 2 รายเพื่อร่วมทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มและพลังงานลมในไตรมาส 2/61 พร้อมทั้งเจรจาเข้าซื้อกิจการนิคมอุตสาหกรรมในกัมพูชาคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ทั้งนี้ บริษัทปรับแผนเพิ่มงบลงทุนในช่วง 5 ปี (61-65) เป็นปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท จากเดิม 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนใหม่
ขณะที่มีแผนออกหุ้นกู้วงเงิน 6.7 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 15 ปี ภายในเดือน พ.ค.นี้ ทดแทนเงินกู้ที่มีกับสถาบันการเงินเพื่อใช้พัฒนาโครงการในมือ และมีแผนออกหุ้นกู้อีก 5.5 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอน และใช้ขยายธุรกิจ
ในปีนี้ BGRIM คาดว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 10% และ EBITDA Margin ที่ราว 27% ภายใต้เป้าหมายรายได้เติบโต 15-20%
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และ โรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 200 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/61 โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มิ.ย.61
สำหรับการลงทุนในโครงการดังกล่าวบริษัทมีนโยบายที่จะถือหุ้นใหญ่เช่นเดียวกับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ขนาดกำลังผลิต 420 เมกะวัตต์ที่ BGRIM ถือหุ้นสัดส่วน 55%
"ทุกที่เรามีนโยบายถือหุ้นใหญ่ เพราะเรามีศักยภาพ ส่วนพาร์ทเนอร์ก็มี connection ดี ... เราเข้าตลาดฯก็มีชื่อเสียง ก็มีคนมาติดต่อมาก ดังนั้นเรา Growth โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV"นางปรียนาถ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการนิคมอุตสาหกรรมในประเทศกัมพูชา คาดว่าน่าจะสรุปการเจรจาภายในปีนี้ เนื่องจากมองว่าโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมีความต้องการใช้ไฟฟ้ามาก
นางปรียนาถ กล่าวว่า บริษัทยังมองหาการลงทุนในประเทศอื่น ๆ ทั้ง ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ที่เป็นโครงการใหม่ นอกเหนือจากโครงการโรงไฟฟ้าที่บริษัทได้เซ็นสัญญาไว้แล้ว โดยในช่วง 5 ปีนี้ (61-65) บริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 2,518 เมกะวัตต์ ไม่นับรวมโครงการในเวียดนาม โดยเติบโต 42% จากปี 60 ที่มีกำลังการผลิต 1,646 เมกะวัตต์
และสืบเนื่องจากที่บริษัทจะมีการลงทุนโครงการใหม่ และเน้นขยายในต่างประเทศ จึงได้ปรับงบลงทุนในช่วง 5 ปีนี้เป็นปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งงบลงทุนปีละ 1 หมื่นล้านบาทรองรับเฉพาะโครงการที่เซ็นสัญญาไว้แล้ว
ในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายจะรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 10% และอัตรากำไร EBITDA ที่ระดับ 27% จากปีก่อนอยู่ที่ 9.3% และ 27.7%ตามลำดับ ขณะที่รายได้คาดว่าจะเติบโต 15-20% และในปีหน้าคาดว่ารายได้จะเติบโตก้าวกระโดด หลังจากโรงไฟฟ้า SPP ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ 3 โรง ขนาดโรงละ 133 เมกะวัตต์จะเริ่มจ่ายไฟฟ้า (COD) ในปีนี้ และยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำน้ำแจงในลาว กำลังผลิต 15 เมกะวัตต์ด้วย
"ในประเทศ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีโอกาส เรามี SPO เราขายตรงนิคมฯไม่ว่าจะอย่างไรไฟฟ้ามีความจำเป็นต่ออุตสาหกรรมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้หุ่นยนต์ต้องมีไฟฟ้าเสถียรภาพ แผน PDP ฉบับใหม่จะพูดถึงการใช้ไฟฟ้าเป็นโซนๆ เรามี Exclusive Right ในพื้นที่ EEC ...เรามั่นใจอนาคตแนวโน้มเราเติบโตไม่ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่ง Businessต่อไป ไม่มี Limit การเติบโต"นางปรียนาถ กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ด้านนายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน BGRIM กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติวงเงินออกและเสนอขายหุ้นกู้ 5 หมื่นล้านบาท โดยในเดือนพ.ค.นี้บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ วงเงิน 6.7 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อใช้คืนเงินกู้โครงการโรงไฟฟ้า SPP ของบริษัท บี. กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 จำกัด (BIP1) และ บริษัท บี. กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 จำกัด (BIP2) บริษัทละ 3,350 ล้านบาท คาดว่าจะทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง โดยหุ้นกู้ดังกล่าวคาดจะมีอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 4% จากเงินกู้โครงการมีอัตราดอกเบี้ย 5.6%
และในช่วงครึ่งปีหลังนี้มีแผนจะออกหุ้นกู้เพื่อใช้ขยายธุรกิจและทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในเดือน ต.ค.นี้จำนวน 5.5 พันล้านบาท