นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) เปิดเผยในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 ในวันนี้ โดยคาดว่าผลการดำเนินงานจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ จากปีที่ผ่านมาที่มีผลขาดทุนสุทธิ 384.26 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในปีที่ผ่านมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินงาน ส่งผลทำให้ในปีนี้บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเพลง (Music) เป็นหลัก รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ อย่างการผลิตภาพยนตร์ ของบริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด (GDH 559) ,ธุรกิจโฮม ช็อปปิ้ง (Home Shopping) และธุรกิจแพลตฟอร์มโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (GMM Z) ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายรับสัญญาณดาวเทียม
ขณะที่ธุรกิจกิจการร่วมค้า ได้แก่ ธุรกิจดิจิทัล ทีวี (ช่อง GMM25) และธุรกิจสื่อ (ธุรกิจวิทยุ และอีเว้นท์) ในปีนี้จะรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรเข้ามา ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 50% ในบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล เทรดดิ้ง จำกัด และจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร ของบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ ไพรส์ จำกัด (ช่อง One 31) ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนการถือหุ้น 31.25% และธุรกิจทีวีดาวเทียม มันนี่ ชาแนล ภายใต้ความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยถือหุ้นในสัดส่วน 50% นั้น ก็น่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
อนึ่ง ในปี 60 บริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจเพลง 40%, ธุรกิจสื่อ 12%, ธุรกิจดิจิทัล ทีวี 8% และธุรกิจอื่น ๆ 37% เช่น ภาพยนตร์ และ Home Shopping รวมถึงธุรกิจแพลตฟอร์มโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (GMM Z) 3% จากการจำหน่ายสินค้า
นางสาวบุษบา กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของธุรกิจหลักหรือธุรกิจเพลง ในปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจเพลง ทั้งการฟังและการรับชม จากปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดผู้ฟัง GMM Music ทุกแพลตฟอร์มมากกว่า 1.3 หมื่นครั้ง และมียอดวิวใน YouTube สูงสุดในประเทศกว่า 4.2 หมื่นล้านวิว สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทเป็นที่สุดในเรื่องคอนเทนท์บน YouTube
นอกจากนี้ บริษัทจะต่อยอดการเติบโตจากการทำ Music BIG DATA รวบรวม DATA จาก 3 แกนหลัก คือ HIT DATA ข้อมูลที่จะทำให้รู้ว่าแฟนเพลงฟังและดูคอนเทนท์อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน และมีความเห็นอย่างไร ,ข้อมูลความชอบในศิลปิน ที่จะทำให้รู้ว่า ใครเป็นสาวก ใครเป็นแฟนเพลง และยังรู้ว่าแฟนเพลงคนเดียวกันชอบศิลปินคนไหนอีกบ้าง สนใจสินค้าแบรนด์ดัง และข้อมูลพฤติกรรมการจ่ายเงิน ที่จะทำให้รู้ว่าซื้อสินค้าประเภทไหน จำนวนเท่าไหร่ ซื้อที่ไหน หรือช่องทางใด
โดยข้อมูลดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทสามารถนำไปเชื่อมโยงในการสร้างสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเพลงใหม่ที่โดนใจมากขึ้น, การผลิตสินค้าใหม่สอดรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค รวมถึงสร้างโปรเจคใหม่ให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วม หรือการรายงานศิลปินที่คนอยากรู้ อีกทั้งการสร้างคอนเทนท์ออกสู่ตลาดโลก
"ปีนี้จะเป็นปีของ Beyond Music ซึ่งเราจะทำมากกว่าการทำเพลง โดยจะต่อยอดความสำเร็จทั้งเพลงและศิลปิน ที่ออกไปสู่โปรดักส์ใหม่หลากหลายรูปแบบ และออกสู่ตลาดโลก"นางสาวบุษบา กล่าว
นางสาวบุษบา กล่าวว่า ในวันนี้ผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติงดจ่ายเงินปันผลงวดปี 60 เนื่องจากบริษัทมีความจำเป็นต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินทุนสำรอง จากปัจจุบันยังคงมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ 384.26 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสะสมอยู่ที่ 3.05 พันล้านบาท