นายสามิตต์ ผลิตกรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) คาดว่า กำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่อยู่ระดับ 401.31 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จากการขายและบริการปีนี้จะต่ำกว่าระดับ 7.5 พันล้านบาทในปีก่อน โดยธุรกิจเครื่องปรับอากาศจากตะวันออกกลางได้รับผลกระทบเรื่องมาตรฐานพลังงานทำให้มียอดขายลดลง ส่งผลกระทบมายังคำสั่งการผลิตของบริษัทฯ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนซึ่งส่งผลดีมายังช่วงไตรมาส 1/61
ประกอบกับบริษัทฯได้ลดอัตราค่าใช้จ่ายการขายและบริหารปีนี้ให้อยู่ที่ 5% จากปี 60 อยู่ที่ 5.5% และในช่วงไตรมาส 3/61 บริษัทฯจะมีการควบรวมบริษัทย่อยเข้าด้วยกัน คือ SNC Cooling Supply และ Meisou SNC Precision ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายการบริหาร และมีอำนาจต่อรองการซื้อวัตถุดิบในการผลิตมากขึ้น นอกจากนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้เริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองจำนวน 3.43 เมกะวัตต์ (MW) ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนดังกล่าวลดลงเดือนละ 1 ล้านบาท
สำหรับสัดส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะมาจากเครื่องปรับอากาศ 60% จากเดิมอยู่ที่ 70% เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของผลิตภัณฑ์และผลกระทบเรื่องมาตรฐานพลังงานทำให้มียอดขายลดลง แต่สินค้าในกลุ่มอื่น ๆ จะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น จากปีก่อนมีสัดส่วนรายได้จากชิ้นส่วนรถยนต์ 14% ชิ้นส่วนเครื่องซักผ้า 5% ชิ้นส่วนตู้เย็น 4% ชิ้นส่วนพลาสติกอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ 3% และชิ้นส่วนเครื่องทำน้ำอุ่น 3%
ส่วนแผนการลงทุนในปีนี้ นายสามิตต์ กล่าวว่า บริษัทฯได้วางงบลงทุนราว 200-300 ล้านบาท ใช้ลงทุนในการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิมที่เสื่อมคุณภาพ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาระบบออโตเมชั่น ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในปีนี้ และจะเริ่มลงทุนในปี 62 เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท
ทั้งนี้ในสิ้นปีนี้บริษัทฯจะชำระหนี้ที่กู้ยืมจากสถาบันการเงินให้อยู่ที่ระดับ 350 บาท จากสิ้นปี 60 อยู่ที่ 746 ล้านบาท และคาดว่าในปี 62 บริษัทฯจะสามารถชำระหนี้ที่เหลือทั้งหมดได้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วน D/E จะลดลงอยู่ที่ระดับ 0.75 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1 เท่า