นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การลงทุนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนามที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลเวียดนามเนื้อที่ 20,000 ไร่ อายุสัญญาเช่า 70 ปีนั้น ในเฟสแรกที่จะพัฒนาพื้นที่ 3,200 ไร่ คาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในช่วงไตรมาส 3/61 ล่าช้ากว่ากำหนดเดิมราวครึ่งปี เนื่องจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้เกี่ยวกับกระบวนการส่งมอบที่ดินของรัฐบาลเวียดนามที่ใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้กระบวนการต่าง ๆ ต้องเลื่อนออกไป โดยบริษัทเพิ่งได้รับใบอนุญาตรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม (EIA) จากหน่วยงานของประเทศเวียดนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ปัจจุบัน บริษัทได้คัดเลือกผู้รับเหมาที่จะเข้ามาปรับปรุงพื้นที่และก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามเฟสแรกแล้ว โดยจะจัดสรรพื้นที่ก่อสร้างโรงงานได้รวม 1,000 ไร่ ขณะที่ได้เจรจากับลูกค้าที่สนใจจะเข้ามาตั้งโรงงานในนิคมฯดังกล่าวแล้ว ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ เป็นต้น โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินนิคมฯในเวียดนามเฟสแรกกว่า 100 ไร่ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับการพัฒนาที่ดินในนิคมฯทั้งหมด 20,000 ไร่นั้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาทั้งหมด 20 ปี แบ่งเป็นการพัฒนาทั้งหมด 6 เฟส
นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งบริษัท WHAUP Nghe An Joint Stock Company ในเวียดนาม เพื่อให้บริการน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมและการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ในการทำโครงการบริหารจัดการน้ำและบำบัดน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรม และเป็นการขยายงานไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ WHAUP มีศักยภาพในการเติบโตขึ้นได้ไนอนาคต
นางสาวจรีพร กล่าวอีกว่า ส่วนการลงทุนอื่น ๆ ในต่างประเทศ บริษัทยังคงมองการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก โดยการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการพัฒนาคลังสินค้าให้เช่า แบบ Built-to-Suit เฟส 2 พื้นที่ 10,000 ตารางเมตร ซึ่งเตรียมที่จะลงทุนภายในปีนี้ หลังจากที่คลังสินค้า แบบ Built-to-Suit ในอินโดนีเซีย เฟสแรก มีผู้เช่าเต็มแล้วทั้งหมด 25,000 ตารางเมตร และการลงทุนศูนย์โลจิสติกส์ในเมียนมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร 4 ราย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวมที่ 6.6 พันล้านบาท
สำหรับปี 61 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ที่จำนวน 1,400 ไร่ แบ่งเป็น ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย 1,250 ไร่ และส่วนที่เหลือกว่า 100 ไร่ มาจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเวียดนาม เฟสแรก และตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 25% จากปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนมากขึ้น โดยเฉพาะการเดินหน้าโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ดึงดูดนักลงทุนต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศเข้ามา
ประกอบกับการที่บริษัทมีความชำนาญและเป็นผู้นำในการพัฒนาคลังสินค้าให้เช่า นิคมอุตสาหกรรม และศูนย์โลจิสติกส์ ซึ่งมีโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC หลายโครงการ ทำให้ได้ประโยชน์จากการผลักดันพื้นที่ดังกล่าว และมีลูกค้าเข้ามาติดต่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบัน WHA ถือว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 40-50%
ด้านแหล่งเงินทุนของบริษัทนั้น บริษัทได้ขออนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้จากที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา เป็นจำนวนไม่เกิน 7 พันล้านบาท โดยล่าสุดได้ขายหุ้นหู้วงเงิน 3 พันล้านบาท แบ่งเป็น 2 ชุด อายุ 3 และ 5 ปี ซึ่งจะช่วยให้ลดต้นทุนทางการเงินของบริษัทให้ลดลงได้จากเดิมที่ 3% มาเป็น 2.57% ซึ่งบริษัทได้รับการจัดอันดับเครดิตเรทติ้ง "A-" ทำให้สามารถออกหุ้นกู้ในอัตราดอกเบี้ยได้ในระดับที่ไม่สูงมากนัก ขณะเดียวกันอาจจะมีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น (B/E) ตามความเหมาะสมในวงเงินราว 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำในระดับ 1.3-1.4% ต่อปี
ขณะเดียวกัน WHAUP ได้ขออนุมัติวงเงินหุ้นกู้จากที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ผ่านมาด้วยเช่นกันในวงเงินไม่เกิน 8 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีการออกหุ้นกู้ในปีนี้ราว 4 พันล้านบาท เพื่อนำมาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุ และชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาช่วงเวลาในการออกหุ้นกู้ที่เหมาะสม