บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เผยผลประกอบการไตรมาส 1/61 มีกำไรสุทธิลดลง 91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับผลขาดทุนจากสต็อกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หลังราคา LPG สิ้นไตรมาส 1/61 ลดลงจากสิ้นไตรมาส 4/60 ประกอบกับมีมาร์จิ้นการขายลดลง จากทิศทางราคา LPG ลดลงตลอดไตรมาส
แต่ทิศทางในไตรมาส 2/61 ราคา LPG เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้มีโอกาสที่จะพลิกกลับมามีกำไรจากสต็อกได้ ขณะที่บริษัทยังคงเป้าปริมาณการขายปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อน หลังในไตรมาสแรกทำปริมาณขายได้ดีกว่าเป้าหมายโดยเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
SGP รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1/61 ที่ระดับ 100.77 ล้านบาท ลดลงจากระดับกำไรสุทธิ 1.14 พันล้านบาทในไตรมาส 1/60 โดยมีรายได้ 1.56 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ ที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นและจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) สูงขึ้นมาที่เฉลี่ย 523 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากระดับ 520 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 1/60
อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/61 ลดลง 71.47% มาที่ 468.84 ล้านบาท และคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 3.01% จากระดับ 11.46% ในไตรมาส 1/60 หลังได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคา LPG ที่มีอยู่ในระดับสูง แต่ตลอดไตรมาส 1/60 ราคา LPG มีทิศทางที่ลดลงต่อเนื่องทำให้มาร์จิ้นที่ได้รับลดลง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีผลขาดทุนจากสต็อก LPG หลังราคา LPG ในตลาดโลกสิ้นเดือนธ.ค.60 อยู่ที่ 580 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคา ณ สิ้นเดือนมี.ค.อยู่ที่ 472.5 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือลดลงลดลง 107.5 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1/60 บริษัทมีกำไรจากสต็อก LPG
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 2/61 ทิศทางราคา LPG เริ่มดีขึ้น โดยราคาล่าสุดในช่วงเดือนพ.ค. อยู่ที่ราว 502.5 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งหากยังยืนระดับสูงต่อเนื่องถึงสิ้นเดือน มิ.ย.ก็จะทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะได้รับกำไรจากสต็อกด้วย
ด้านนายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ ของ SGP เปิดเผยว่า ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/61 ปรับตัวลดลงกว่า 107.50 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากสิ้นไตรมาส 4/60 โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกมักจะลดลงในไตรมาสที่ 1 เนื่องจากปริมาณความต้องการจะลดลงภายหลังจากความต้องการก๊าซเพื่อให้ความอบอุ่น (heating) ลดลงหลังจากหมดฤดูหนาว ประกอบกับประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่มีวันหยุดยาวในช่วงตรุษจีน (เดือนก.พ.) ทำให้ชะลอการซื้อก๊าซ LPG ในช่วงดังกล่าวอีกด้วย
"แม้ว่าราคา CP Saudi Aramco จะลดลงในไตรมาสที่ 1/61 และมีผลกระทบต่อกำไรในไตรมาสที่ 1/61 ของบริษัท แต่การขึ้นลงของราคาก๊าซในตลาดโลกเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมักจะขึ้นลงตามฤดูกาล"นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า สำหรับปริมาณขาย LPG ในไตรมาส 1/61 อยู่ที่ 0.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แนวโน้มราคา CP Saudi Aramco ก็มีทิศทางขาขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2/61 ภายหลังความต้องการก๊าซ LPG ปรับตัวขึ้น นอกจากนี้บริษัทพยายามเพิ่มยอดขายไปสู่ผู้บริโภค (retail) มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้มีส่วนต่างกำไร (profit margin) มากขึ้นและช่วยรองรับ (absorb) ให้กำไรของบริษัทได้รับผลกระทบน้อยลงในช่วงที่ราคาก๊าซ LPG ปรับตัวลง
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 61 บริษัทวางเป้าหมายปริมาณขาย LPG เติบโต 10% มาที่ประมาณ 3.5 ล้านตัน เทียบปีที่ผ่านมีปริมาณขายกว่า 3.2 ล้านตัน โดยมีตลาดหลักในต่างประเทศ อย่างจีน ,มาเลเซีย และเวียดนาม ขณะที่ปริมาณขายในประเทศอยู่ที่ราว 1 ล้านตัน/ปี ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 2 พันล้านบาท โดยบริษัทเตรียมขยายตลาดเข้าสู่ประเทศจีนตอนเหนือ เพื่อขยายตลาดตามความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จากปัจจุบันที่เป็นผู้นำตลาดในจีนตอนใต้ โดยเป็นผู้นำเข้า LPG ติดอันดับหนึ่งในสาม ในประเทศจีน และมีคลังเก็บก๊าซใต้ดินขนาดใหญ่สองแห่งในจีน อยู่ที่เมืองซัวเถา และเมืองจูไห่ รวมปริมาณความจุกว่า 3 แสนตัน
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาตลาดและความเป็นไปได้ในการขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะได้ประโยชน์ในเรื่องของการเพิ่มสินค้าและกลุ่มลูกค้าของบริษัท