ATP30 รุกธุรกิจรถบริการนักท่องเที่ยววางเป้าเพิ่มรถเป็น 20 คันปีนี้รองรับตลาดบูม-ขยายฐานลูกค้ากระจายความเสี่ยง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 9, 2018 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มการเติบโตดี โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจดังกล่าว โดยนำจุดแข็งเรื่องบริหารจัดการการเดินรถมาทดลองให้บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวให้กับพันธมิตร 3 ราย ด้วยรถบัสจำนวน 10 คัน ตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีแผนจะเพิ่มจำนวนรถบัสเป็น 20 คันในปีนี้ ทั้งนี้คาดว่าการให้บริการในกลุ่มนักท่องเที่ยวจะสามารถสร้างรายได้ 3-5% ของรายได้รวม ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงที่มาของรายได้ และขยายฐานรายได้ของบริษัทให้เติบโตขึ้น

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทได้สัญญาให้บริการลูกค้าใหม่ 2 ราย และเพิ่มจำนวนรถให้บริการลูกค้าเก่า 1 ราย รวมจำนวนรถ 18 คัน โดยบริษัทชนะการประมูลงาน บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด อายุสัญญา 5 ปี เตรียมให้บริการด้วยรถมินิบัส 7 คัน รับส่งพนักงานและลูกค้าให้กับศูนย์การค้าเมกะบางนา ได้รับงานรถส่งพนักงานให้กับโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ในจ.ระยอง อยู่ระหว่างจัดเตรียมรถตู้ 10 คัน และศูนย์การค้าฮาบิโตะขอใช้บริการรถมินิบัสเพิ่มอีก 1 คัน คาดว่าจะเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป

"แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2 สามารถขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากลูกค้าใหม่และรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งนี้บริษัทมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีก 3 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะผลักดันรายได้ทั้งปีเติบโตไม่น้อยกว่า 20% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 420 ล้านบาท และรักษาอัตราการทำกำไรไม่ต่ำกว่า 10%"นายปิยะ กล่าว

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/61 บริษัทมีรายได้ 100.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.18 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 10.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 1.92 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 10.39% จากระดับ 2.41% ในงวดปีก่อน เนื่องจากไตรมาสแรกมีรถหมดค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นจำนวน 7 คัน และรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ 3 ราย จำนวนรถ 20 คัน อีกทั้ง มีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ บริหารจัดการต้นทุนด้านต่าง ๆ ที่ดีขึ้น และการขยายธุรกิจในภูมิภาคเดิมทำให้ ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 27.75 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 27.52% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 14.95 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 18.85%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ