นายเบรนดอน วอเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 บริษัทมีกำไรสุทธิที่ไม่รวมผลจากการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับสัญญาเช่าทางการเงิน และกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ รวมถึงรายได้หรือค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Normalized Net Profit :NNP) ที่ระดับ 2,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่บริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายและมีต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
"เรามีการเริ่มต้นปี 61 อย่างยอดเยี่ยม โดยเมื่อเปรียบเทียบผลประกอบการในไตรมาสแรกปี 61 กับช่วงเวลาเดียวกันของปี 60 จำเป็นที่จะต้องพิจารณาด้วยว่าเราได้มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในหน่วยการผลิตหลัก ๆ ในไตรมาสแรกของปี 60 อย่างไรก็ตามปริมาณความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมทั้งในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมยานยนต์ ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจากปี 60 มาจนถึงไตรมาสแรกปี 61 นอกจากนั้นผลของโครงการควบคุมค่าใช้จ่าย "SmartSave" และต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง"
อนึ่ง ในไตรมาส 1/61 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับกำไร 1,898 ล้านบาทในไตรมาส 1/60 และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 4,537 ล้านบาท และรายได้รวม 13,027 ล้านบาท ขณะที่ GLOW มีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของ NNP
ด้านนายปจงวิช พงษ์ศิวาภัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินกลุ่มบริษัทโกลว์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 61 บริษัทได้เข้าทำสัญญาเงินกู้ระยะยาว 5 ปี จำนวน 4,000 ล้านบาท กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ดำเนินงานมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนของบริษัท
โดยในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการจัดหาเงินทุนใหม่กว่า 9,000 ล้านบาท ทั้งในส่วนของการออกหุ้นกู้และการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งบริษัทได้รับอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ดีมาก สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงินได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท/ปี (เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยจ่ายของเงินกู้เดิมที่ได้มีการรีไฟแนนซ์) เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของธนาคารและนักลงทุนที่มีต่อพื้นฐานทางธุรกิจ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท