นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/61 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 1,591.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.60% จากงวดปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหิน 1,509.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.73% และรายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ 82.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.3% ผลักดันให้มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 32.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันของปีก่อน 195.5%
รายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการขยายตลาดในประเทศ และต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยปริมาณการขายในประเทศอยู่ที่ 0.59 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 31% ปริมาณการขายในต่างประเทศอยู่ที่ 0.14 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 139.1% ส่งผลให้ไตรมาส 1/61 มีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศอยู่ที่ 0.73 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้มีรายการพิเศษซึ่งจะบันทึกเพียงครั้งเดียว เป็นการบันทึกค่าเสียหายจากคดีฟ้องร้องเป็นจำนวนเงิน 30.27 ล้านบาท ถ้าหากไม่รวมรายการดังกล่าว บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 56.35 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์การขยายตลาดที่ หลากหลายทั้งในประเทศ ที่มีการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม มีความต้องการใช้ถ่านหิน เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต่างๆมากขึ้น และบริษัทฯเริ่มรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์"นายพนม กล่าว
นายพนม กล่าวอีกว่า ธุรกิจด้านโลจิสติกส์ด้านการขนส่งทางน้ำ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปีนี้ บริษัทเตรียมสั่งต่อเรือโป๊ะเพิ่มอีก 10 ลำ เพื่อการรองรับรองรับการขยายตัวของลูกค้าที่จะเติบโตมากขึ้น ทั้งการนำเข้าและส่งออก ส่งผลให้ภายในต้นปีหน้าบริษัทจะมีเรือโป๊ะ ทั้งหมด 22 ลำ นอกจากนี้บริษัทได้ปรับปรุงพื้นที่จากที่ดินที่ซื้อเพิ่มเติมในช่วงปี 60 เพื่อขยายพื้นที่คลังสินค้าเพื่อเพิ่ม พื้นที่กองเก็บถ่านหิน และพื้นที่ให้บริการคลังสินค้า ซึ่งคาดว่าส่วนแรก จะเสร็จในช่วงไตรมาส 3/61
ดังนั้น จากกลยุทธ์ช่องทางการขยายธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมั่นใจว่าอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 61 เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมีปริมาณการขายถ่านหินที่ 20-25% แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 20% และในประเทศจะอยู่ที่ 80% และมียอดขายถ่านหินทั้งปีที่ระดับ 3 ล้านตัน และรายได้จากธุรกิจการให้บริการในคลังสินค้า ขนสินค้าผ่านท่าเรือ และให้บริการขนส่งทางน้ำทางบก แบบครบวงจรเพิ่มมากขึ้นจากจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้น