Coin Asset จับมือ"ซุปเปอร์รัช"พัฒนาธุรกรรมบล็อกเชนคาดเปืดให้บริการ ต.ค.61 พร้อมคาดปีนี้มี ICO เข้าเทรดเกือบ 20 ตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 10, 2018 11:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศิวนัส ยามดี ผู้ก่อตั้ง บริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด (Coin Asset) ซึ่งเป็นกระดานเทรดเงินดิจิทัล เปิดเผยว่า บริษัทลงนามสัญญาความร่วมมือร่วมกับ "ซุปเปอร์ริช"เพื่อร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกรรมด้านการเงินผ่านบล็อกเชน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายใน ต.ค.61

"ความร่วมมือกับ ซุปเปอร์ริช แสดงถึงความแข็งแกร่งของพันธมิตร ตอกย้ำความมั่นใจในศักยภาพและความปลอดภัยในระบบของคอยน์ แอสเซท และเพื่อเป็นการตอบแทนผู้ใช้บริการ บริษัทยังสร้างความคึกคักโดยการจัดโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย 30 วัน ให้แก่ ICO ที่เข้ามาลิสต์บนกระดานอีกด้วย"นายศิวนัส กล่าว

ทั้งนี้ คอยน์ แอสเซท เป็นผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์กลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์ม เพื่อตอบโจทย์ผู้สนใจในธุรกิจคริปโต พร้อมให้บริการพัฒนาโมเดลแฟรนไชส์ (Franchise) แก่ลูกค้าในอาเซียน ควบคู่กับการพัฒนาระบบ Point of sale (POS) ซึ่งเป็นโปรแกรมแอพลิเคชัน เพื่อจำหน่ายและติดตั้งให้แก่ลูกค้า ช่วยเสริมสร้างสภาพคล่อง พร้อมเปิดตลาดเพิ่มอีกทางหนึ่ง โดยมุ่งหวังขยายฐานนักลงทุนไปยังกลุ่มนักลงทุนสถาบัน

บริษัทยังเป็นรายแรกของประเทศไทยที่ได้ลงทุนมาตรฐาน ISO 27001:IEC 2013 ระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับสถาบันการเงิน เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยแก่นักลงทุน อีกทั้งยังได้พัฒนาเทคโนโลยี BOB (Blockchain on Blockchain) เพื่อทำการเก็บธุรกรรมภายในที่เกิดขึ้นถือเป็นการสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้

ปัจจุบัน คอยน์ แอสเซท ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหวังให้บริการแก่ผู้ที่สนใจในโลกคริปโด (Cryptocurrency) ทั้งในและต่างประเทศ (ICO) โดยนำเหรียญ Happy Coin (HPC) เงินดิจิทัลของคนไทยที่ได้รับการ Vote เป็นเหรียญแรก ๆ และเหรียญดิจิทัล JFIN Coin ที่ออกโดย บมจ. เจ มาร์ท (JMART) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นลิสต์ในกระดาน

ทั้งนี้ คอยน์ แอสเซท คาดปีนี้มีไอซีโอ (ICO) ทยอยเข้ามาจดทะเบียนซื้อขายบนแพลตฟอร์มของ คอยน์ แอสเซท ประมาณ 20 ตัวด้วยแพลตฟอร์มนี้จะรองรับการซื้อขายที่ทันสมัย ใช้ระบบจับคู่การซื้อขาย (Matching Server) บน Cloud server ที่รองรับการจับคู่ธุรกรรมได้รวดเร็ว

นายศิวนัส กล่าวว่า "คอยน์ แอสเซท" จะไม่จัดเก็บสินทรัพย์เงินดิจิทัล (Crypto Asset) ในรูปแบบออนไลน์ 100% แต่จะใช้วิธีกระจายการจัดเก็บในรูปแบบที่อยู่นอกเหนือเครือข่ายอินเตอร์เนท (Cold Storage) ในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยปัจจุบัน บริษัทมีผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ เช่นในอาเซียน และเอเชียตะวันออกที่เข้ามาใช้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนในแพลตฟอร์มของบริษัทเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

"ปัจจุบันนักลงทุนไทย เริ่มให้ความสนใจในสกุลเงินดิจิทัลกันมากขึ้น สังเกตจากสินค้าและบริการหลายแห่ง ที่เริ่มรับชำระเงินด้วยเงินดิจิทัล ประกอบกับการเข้ามาศึกษา หาที่มาของมูลค่าเงินดิจิทัลโดยเฉพาะสกุลบิทคอยน์ ที่ราคาทะยานขึ้นสูงในช่วงปีที่ผ่านมากว่า 100% อีกทั้งยังมีการติดต่อเข้ามาขอคำปรึกษาในการออก ICO เพื่อใช้เป็นช่องทางการระดมทุนที่ง่ายและรวดเร็ว และจาก

การที่ JFIN COIN ได้เข้าเทรดวันแรกนั้น ทางเราพบว่ามีผู้ให้ความสนใจเข้ามาถึงดูคู่เทรด JFIN/THB ถึง 8,000 ยูสเซอร์ และมียอดการเข้าชมรายการหน้าคู่ JFIN ถึง 100,000 ครั้ง ใน 2 ชั่วโมง ทางคอยน์ แอสเซทจึงได้ปรับขยายเซิฟเวอร์เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับออเดอร์ซื้อขายได้มากกว่าเดิมถึง 5 เท่า" นายศิวนัส กล่าวเพิ่มเติม

คอยน์ แอสเซทมีเกณฑ์ในการรับเหรียญขึ้นซื้อ-ขายบนกระดานผ่าน 3 ทีมงานผู้ตรวจสอบ ได้แก่ 1. ทีมกฎหมายที่จะตรวจสอบธุรกิจและความเสี่ยงของเหรียญที่ต้องการระดมทุนผ่าน ICO 2. ทีมเทคนิคคอล ตรวจสอบความเป็นไปได้เชิงเทคโนโลยีและการเติบโตตามแผนการออกเหรียญดิจิทัล และ 3. ทีมการตลาด ทำหน้าที่ประสานงานและกิจกรรมทางการตลาดควบคู่กับผู้ออก ICO ขั้นตอนเหล่านี้จะสามารถคัดกรองเหรียญที่มีคุณภาพ ทำให้ผู้ใช้บริการกระดานเทรดของคอยน์ แอสเซท มั่นใจได้ว่าเหรียญทุกเหรียญที่ขึ้นลิสต์บนกระดานมีความน่าเชื่อถือ เหมาะแก่การซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนแก่ผู้ใช้บริการของธุรกิจนั้น ๆ


แท็ก บล็อกเชน   SET  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ