นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) ระบุว่า การเข้ามาถือหุ้นของ บริษัท มะนิลา วอเตอร์ จำกัด จากฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับสาธารณูปโภคด้านน้ำที่มีขนาดใหญ่และมีประสบการณ์มานาน เชื่อว่าจะช่วยเสริมความรู้และความชำนาญให้บริษัทสามารถขยายกิจการได้อีกมากในอนาคต โดยเฉพาะการพัฒนาระบบน้ำในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ทาง มะนิลา วอร์เตอร์ มีความเชี่ยวชาญในการวางระบบน้ำ เนื่องจากโครงการลงทุนต่าง ๆ กำลังจะเกิดขึ้นมากในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขณะที่มะนิลา วอเตอร์ มีแผนจะขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ หลังประสบความสำเร็จในประเทศฟิลิปปินส์ โดยสามารถให้บริการน้ำอย่างครบวงจรทั้งการจำหน่ายน้ำและบำบัดน้ำเสีย
ทั้งนี้ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ขายหุ้นทั้งหมดสัดส่วน 18.72% ใน EASTW ให้แก่ บริษัท มะนิลา วอเตอร์ จำกัด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/61
นายจิรายุทธ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเน้นการเพิ่มยอดขายน้ำสำหรับอุตสาหกรรมมากขึ้น นอกเหนือจากการขายน้ำดิบ เนื่องจากบริการน้ำให้กับภาคอุตสาหกรรมมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงกว่าบริการน้ำดิบถึง 30-50% โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าเพิ่มอีก 2 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้และน่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไป
บริษัทได้วางงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในโครงการเดิม รวมทั้งลงทุนหาแหล่งน้ำใหม่ๆ และเพิ่มเครื่องจักรเพื่อเพิ่มมูลค่าบริการน้ำให้มากขึ้น และเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC โดยคาดว่าภายในปี 70 ความต้องการใช้น้ำในฟื้นที่ EEC จะเพิ่มขึ้นถึง 800 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
อนึ่ง แผนการบริหารจัดการน้ำและแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ระบุว่าปัจจุบันพื้นที่ EEC มีความต้องการใช้น้ำที่ราว 325 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่มีการจัดหาน้ำได้ประมาณ 427 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน คาดว่าภายในปี 70 ความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ EEC จะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากนั้นปี 79 จะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
นายจิรายุทธ กล่าวว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ใช้บริการน้ำของบริษัทจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนั้น หากมีการขยายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นก็จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลด้านบวกต่อการเติบโตของธุรกิจหลัก โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า โรงเหล็ก รวมไปการมีอุตสาหกรรมเกิดขึ้นใหม่และมีการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมจะช่วยสนับสนุนธุรกิจให้บริการน้ำดิบและน้ำสำหรับอุตสาหกรรมให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลประกอบการในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดขายน้ำใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 256 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้ว่าอุตสาหกรรมจะมีการเติบโต 1.5-2.5% เนื่องจากในปีนี้ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้น้ำสำรองที่มีอยู่ในนิคมฯ ก่อน
"ปีนี้รายได้ของเราจะยังคงใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 4,356.63 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางของปริมาณการขายน้ำของบริษัทฯ แม้ว่าอุตสาหกรรมจะมีการเติบโต แต่ด้วยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามาก ทำให้นิคมอุตสาหกรรมใช้น้ำของตัวเองก่อน โดยบริษัทคาดว่าเมื่อ EEC เกิดขึ้นจริงจะช่วยให้ความต้องการใช้น้ำและผลประกอบการของบริษัทฯเติบโตขึ้น"นายจิรายุทธ กล่าว