นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) คาดว่า ยอดขายในไตรมาส 2/61 จะเติบโตต่อเนื่อง โดยมองว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะขยายตัวขึ้นหลังจากแนวโน้มหนี้สินปรับลดลง ซึ่งบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.48 หมื่นล้านบาท
ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 ที่ระดับ 5.05 หมื่นล้านบาท และยอดขายพรีเซลล์ 5.37 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 77 โครงการ มูลค่ารวม 6.78 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการระดับพรีเมียม 4 โครงการ คอนโดมิเนียม 8 โครงการ บ้านเดี่ยว 21 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ 44 โครงการ ซึ่งจะเน้นทำเลกรุงเทพและปริมณฑล 64 โครงการ และต่างจังหวัด 13 โครงการ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการในพื้นที่ EEC จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินปี 61 ราว 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาใช้ซื้อที่ดินไปแล้วในไตรมาส 1/61 จำนวน 23 แปลง มูลค่ารวม 6.5 พันล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 62
ขณะที บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุตอินเตอร์เนชันแนล และมองหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน แต่ยังไม่มีข้อสรุป
และก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพิ่มกลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท ทาวน์เฮาส์ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจ จากเดิมที่มีการแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจแวลู และกลุ่มพรีเมียม โดยนายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ PSH กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ยังถือเป็นพอร์ตหลักของบริษัท
ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวทาวน์เฮ้าส์มากถึง 44 โครงการ โดยได้นำนวัตกรรมก่อสร้างใหม่ๆ มาใช้ ทำให้บ้านมีคุณภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้รอบธุรกิจสั้นลง ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/61 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทจะรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ EEC และจังหวัดที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรม เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ รวม 13 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนขยายไปทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคา 5-7 ล้านให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าจะช่วยให้ PSH สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายและรายได้ตามที่ตั้งไว้
PSH ยังชี้แจงผลประกอบการไตรมาส 1/61 ว่าบริษัทมียอดขายรวม 12,696 ล้านบาท คิดเป็น 24% ของเป้ายอดขายรวมทั้งปี และมีรายได้รวม 8,352 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 862 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ 3.5% และ 26.6% ตามลำดับ โดยรายได้และกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากการโอนกรรมสิทธิคอนโดมิเนียมในกลุ่มแวลูหลายโครงการ
ในไตรมาสแรกบริษัทเปิดโครงการใหม่แล้ว 15 โครงการ มูลค่า 9,800 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 10 โครงการ บ้านเดี่ยว 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมอยู่ที่ 31,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2560 อยู่ที่ 16% โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 15,021 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย จำนวน 188 โครงการ มูลค่า 96,129 ล้านบาท