นายแพทย์กำพล พลัสสินทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้น่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 564.26 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อนทำรายได้ 3.89 พันล้านบาท ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะดีขึ้นมาที่ 18% หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมาลดลงอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบโครงการประกันสังคมภาครัฐ แต่ในปีนี้ไม่มีภาระการตั้งสำรองดังกล่าวแล้ว
สำหรับรายได้ของบริษัทมีสัดส่วนมาจากกลุ่มลูกค้าประกันสังคม 33% ที่เหลือมาจากกลุ่มลูกค้าเงินสดและประกันชีวิต ซึ่งในส่วนนี้แบ่งเป็นลูกค้าคนไทยกว่า 90% และชาวต่างชาติ 4-5%
บริษัทมองว่าการเข้ามารักษาของชาวต่างชาติยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าในปี 62 สัดส่วนรายได้ลูกค้าชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ตามการขยายโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้เคียงสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติได้อย่างไม่ยาก
ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาทใช้ลงทุนเพิ่มเติมในโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน มิ.ย.นี้ และลงทุนเพิ่มเติมในโรงพยาบาลรวมแพทย์ จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้ลงทุนปรับปรุง ซ่อมแซม อาคารเดิม และซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลในเครือ ส่งผลให้จำนวนเตียงจะเพิ่มขึ้นเป็น 670-672 เตียง จากปีก่อนอยู่ที่ 495 เตียง
ทั้งนี้ แหล่งเงินลงทุนจะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินราว 50% จากปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 0.4 เท่า ซึ่งยังมีความสามารถในการกู้ยืมได้อีกมาก ส่วนที่เหลือจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนที่ได้มาจากการดำเนินงานของบริษัท
นายแพทย์กำพล กล่าวอีกว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/61 คาดว่ายังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/61 จากการเปิดให้บริการของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 จ.ปราจีนบุรี ต้นเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อเนื่องไปตลอดช่วงครึ่งปีหลัง ถือเป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจเฮลธ์แคร์ คาดว่าผลการดำเนินงานจะทำสถิติใหม่สูงสุดต่อเนื่องทุกไตรมาส รวมถึงช่วงปลายปีหรือราวเดือน ก.ย.-ต.ค.61 โรงพยาบาลรวมแพทย์ จ.ฉะเชิงเทรา จะเปิดให้บริการด้วย
พร้อมกันนี้ บริษัทก็อยู่ระหว่างการพิจารณาขยายศูนย์ให้คำปรึกษาสำหรับผู้มีบุตรยาก (IVF) โดยเฉพาะชาวจีนที่ค่อนข้างมีกำลังในการใช้จ่ายและมีความต้องการสูงในทุกๆปี
CHG แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/61 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 193 ล้านเพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 153 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 18% เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 16%
ปัจจัยการเติบโตมาจากความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่าย และการเปิดให้บริการโครงการใหม่ ๆ สามารถสร้างรายได้ให้มีการเติบโตตามแผนที่วางไว้ รวมทั้งโครงการเดิมที่มีการขยายพื้นที่รองรับผู้ใช้บริการของโรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 อินเตอร์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้บริการ
ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลที่ 1,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 143 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 937 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตของกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป 31% แบ่งเป็น รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) เพิ่มขึ้น 68 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท หลังจากมีการขยายพื้นที่ให้บริการ ทำให้สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้บริการได้มากขึ้น รวมทั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยต่างชาติ (IMC) ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับรายได้จากโครงการภาครัฐอื่น ๆ อยู่ที่ 62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 55 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนผู้มารับบริการสูงขึ้น โดยทางภาครัฐยังคงนโยบายจ่ายเงินเช่นเดิม ส่งผลให้สถานการณ์ และทิศทางมีการเติบโตขึ้น
ด้านมีรายได้จากโครงการประกันสังคมอยู่ที่ 364 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 383 ล้านบาท เนื่องจากนโยบายตรวจสุขภาพมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ประกันตนที่ตรวจสุขภาพเป็นปีที่ 2 จะลดรายการตรวจลงทำให้รายรับส่วนนี้ลดลง 80% ถึงแม้ว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับอัตราการจ่ายค่าน้ำหนักโรค (RW) สูงขึ้นเป็น 12,800/AdjRw จากเดิมมีอัตราการจ่ายค่าน้ำหนักโรค (RW) อยู่ที่ 10,000/AdjRw