นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 1/61 ไปแล้ว โดยไตรมาส 2/61 น่าจะฟื้นตัวขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ด้วยการทำสัญญาใหม่เพื่อลดต้นทุนสาหร่ายทั้งปีไปแล้ว ซึ่งคาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญราว 10% และเห็นผลชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทมีสัดส่วนต้นทุนหลักจากวัตถุดิบสาหร่ายกว่า 44%
บริษัทคาดว่ารายได้ทั้งปี 61 จะเติบโต 12-15% จากปีก่อน โดยอัตรากำไรสุทธิจะฟื้นขึ้นมาอยู่ในระดับ 12-13% จากปัจจุบันอยู่ที่ 11.30% จากการเน้นการบริหารจัดการต้นทุน อีกทั้งบริษัทมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับคาดว่าช่วงไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 จะเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นสาหร่ายย่าง 48% สาหร่ายทอด 40% สาหร่ายอบ 5% และอื่น ๆ
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการทำการตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์ให้มากขึ้น หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีจากช่องทางออนไลน์แล้ว โดยช่วงที่เหลือของปีบริษัทมีแผนการเปิดร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์เพิ่มอีกราว 3-4 สาขา เพื่อเพิ่มยอดขายจากนักท่องเที่ยวทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าปีนี้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 62-63% จากเดิมอยู่ที่ 61% ซึ่งบริษัทมีแผนขยายตลาดในจีนเนื่องจากมองเห็นโอกาสในการเติบโตอีกมาก ทั้งจากขนาดของตลาดและความต้องการสินค้าที่มีค่อนข้างสูง โดยจะมีการเปิดสำนักงานขายในเซี่ยงไฮ้ภายในไตรมาส 3/61 และอยู่ระหว่างการจดทะเบียนเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ในจีนด้วย
นายจิระพงษ์ กล่าวว่า บริษัทมองว่ายังจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพและทำการตลาดมากขึ้นหลังจากเข้าซื้อกิจการในสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/61 และเริ่มมีกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 62