ALLA รุกเปิดหน่วยธุรกิจใหม่ "Warehouse System Provider" หนุนรายได้ปี 62-เดินหน้าประมูลงานต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 14, 2018 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล่า จำกัด(มหาชน) หรือ ALLA เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมรุกธุรกิจระบบการจัดการคลังสินค้า (Warehouse System Provider) ภายหลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติเพิ่มวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจของบริษัท ทำให้สามารถให้ขายและบริการเกี่ยวกับระบบการจัดการคลังสินค้า ได้แก่ ระบบการจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ ระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ ระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายสิ่งของแบบกึ่งอัตโนมัติ อะไหล่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการบริการหลังการขาย นับว่าจะช่วยขยายช่องทางรายได้ และโอกาสทางธุรกิจเพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคต

ธุรกิจ Warehouse System Provider ไม่เพียงแต่จะเป็นทิศทางของธุรกิจยุคใหม่ แต่มองว่าเป็นทิศทางธุรกิจของโลก ที่ให้ความสำคัญกับระบบคลังสินค้าแบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ในอันที่จะเร่งผลักดันให้เกิดโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งจะก่อให้เกิดความต้องการระบบการจัดการคลังสินค้าแบบอัตโนมัติอย่างมากตามมา

"บริษัทฯ มีความคาดหวังกับหน่วยธุรกิจใหม่ Warehouse System Provider เพราะมองว่าเป็นเทรนด์ของธุรกิจยุคใหม่ แต่เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ และมีมูลค่าสูง แม้ว่าจะเริ่มบุกตลาดตั้งแต่ปี 2561 แต่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลอย่างชัดเจนในปีหน้า และจะเป็นปัจจัยหลักช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัท เติบโตขึ้นอย่างมากภายในปี 2562 โดยคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะมีสัดส่วนรายได้ถึง 30% จากรายได้ทั้งหมด ขณะที่เครนยังคงเป็นธุรกิจหลักหรือมีสัดส่วนรายได้ 40% ประตูอุตสาหกรรม และบริการหลังการขาย จะมีสัดส่วนเท่ากันที่ 15%" นายองอาจกล่าว

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/61 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 104 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายจากการลงทุนรุกธุรกิจใหม่ ทำให้บริษัทมีผลกำไรสุทธิลดลง

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายรายได้ในปี 2561 ยังคงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย คือ เติบโตราว 10% จากปีก่อนหน้า บริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง จนเป็นผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/61 มีจำนวนกว่า 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 50% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน ที่มีจำนวน 301 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ