โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) จากผลงานไตรมาส 1/61 ดีกว่าคาด และแนวโน้มผลประกอบการทั้งปีจะออกมาดีตามการเติบโตของสินเชื่อจากแผนเร่งขยายสาขาใหม่ต่อเนื่องตามเป้าปีละ 600 สาขา โดยสามารถเปิดสาขาใหม่ในไตรมาสที่ 1/61 แล้วกว่า 214 สาขา ขณะที่ความต้องการสินเชื่อของตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/61 ต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ ประกอบกับการตั้งสำรองหนี้สูญลดลงสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น โดยบริษัทสามารถควบคุม NPL ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5% แม้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนตามการขยายตัวของสินเชื่อ
ราคาหุ้น MTC ช่วงบ่ายวันนี้อยู่ที่ 39.25 บาท ลดลง 1.00 บาท (-2.48%) ขณะที่ SET +0.28%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ฟิลลิป ซื้อ 54.50
ดีบีเอสฯ ซื้อ 52.00
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซื้อ 51.00
บัวหลวง ซื้อ 52.00
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 51.00
ทิสโก้ ซื้อ 48.00
เคทีบี ซื้อ 48.00
เอเชีย เวลท์ ซื้อ 50.00
กสิกรไทย ซื้อ 48.00
เออีซี ถือ 48.00
นางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า โดยปกติหลังจากผ่านพ้นไตรมาส 1 ของปีไปแล้ว MTC มีแนวโน้มผลกำไรในช่วงที่เหลือของปี (ไตรมาส 2-4/61) ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของยอดปล่อยสินเชื่อ
ประกอบกับ มีการเร่งขยายสาขาเพื่อรองรับความความต้องการของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าบริษัทจะทำได้ตามเป้าหมายจำนวนสาขาที่วางไว้ปีนี้ 3 พันสาขา หลังจาก 4 เดือนแรกของปีนี้เปิดเพิ่มไปแล้วเป็นกว่า 2.8 พันสาขา
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา MTC มีการตั้งสำรองหนี้สูญและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น โดยยอดคงค้างสินเชื่อต่อสาขา และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายการ (NPL) ยังคงทรงตัว
ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ ระบุว่า MTC เป็นบริษัทที่มีการเติบโตสูงต่อเนื่อง ถือเป็น growth stock ที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงมาก อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 32% นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี โดยมี NPL เพียง 1.29% และเชื่อว่ายังคงเติบโตได้ต่อเนื่องในปีนี้ตามกลยุทธ์การขยายสาขา
ทั้งนี้ MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 เป็นสถิติสูงสุดใหม่อีกไตรมาสหนึ่ง ตามการขยายสาขาเชิงรุกอีก 214 สาขา รวมเป็น 2,638 สาขา หรือคิดเป็น 35% จากเป้าหมายเปิดสาขาทั้งปีที่ 600 สาขา
และเป็นผลจากประสิทธิภาพการขยายธุรกิจ สะท้อนจากยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ที่เติบโตกว่า 42% เมื่อเทียบกับปีก่อน และรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตกว่า 37% ตามการขยายตัวของสินเชื่อและธุรกิจนายหน้าประกันภัย ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้นต่ำกว่ารายได้ที่เติบโต และการตั้งสำรองที่ลดลง 6% หนุนกำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรองหนี้สูญ (PPOP) เติบโตดีถึง 47% จากปีก่อน
นอกจากนี้ยังคุม NPL อยู่ในระดับต่ำที่ 491 ล้านบาท หรือ 1.29% จากสินปี 60 ที่ 441 ล้านบาท หรือ 1.24% โดยเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ แต่ยังเป็นไปตามเป้าที่จะคุมให้ NPL ต่ำกว่า 1.5% ขณะที่ coverage ratio ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 261%
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสฯ ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า คาดการณ์กำไรปี 61-62 จะเติบโต 30% และ 35% ตามลำดับ จากการเปิดสาขาปีละ 600 สาขา โดยมีเป้า 4,000 สาขาภายในสิ้นปี 63 และคาดว่าพอร์ตสินเชื่ออาจจะแตะ 1 แสนล้านบาทได้
จากการประกาศกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1/61 เท่ากับ 843 ล้านบาท ดีกว่าคาด 7% จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ และตั้งสำรองฯ น้อยกว่าที่คาด ประกอบกับสินเชื่อในไตรมาสที่ 1/61 เติบโตกว่า 46.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการขยายสาขาเพิ่มกว่า 214 แห่ง รวมเป็น 2,638 แห่ง (ณ สิ้น มี.ค.61) อีกทั้งยังมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง โดยมีหนี้เสีย (NPL) อยู่ในระดับต่ำที่ 1.3%