นายถิรพงศ์ คำเรืองฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.มิลล์คอนสตีล (MILL) เปิดเผยว่า กลุ่มมิลล์คอนได้เตรียมปรับโครงสร้างการใช้พลังงานในอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยจะเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซแอลพีจี( LPG) เป็นก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งจะนำร่องใช้กับกระบวนการผลิตเหล็กในโรงงานมิลล์คอนสตีล สาขาพระราม 2 เป็นเฟสแรกก่อน หลังจากนั้นก็จะทยอยปรับเปลี่ยนในโรงงานอื่นๆ ต่อไป
สำหรับโครงการเปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็น LNG จะช่วยลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าเมื่อเทียบกับการใช้ LPG ได้ประมาณ 8% นอกจากนี้ LNG ยังเป็นเชื้อเพลิงสะอาด สามารถเกิดการเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ และไม่มีเขม่า อีกทั้งยังสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวลดล้อมได้ โดยลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้ถึง 17% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิง LPG เดิมและการใช้เชื้อเพลิง LNG ยังมีความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่า LPG เนื่องจาก LNG มีคุณสมบัติเบากว่าอากาศ ดังนั้น กรณีรั่วไหลจะระเหยเป็นไอและลอยขึ้นเจือจางในอากาศได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ LPG ซึ่งเป็นก๊าซที่หนักกว่าอากาศ หากเกิดการรั่วไหลจะสะสมอยู่ระดับพื้นดินและลุกไหม้ได้ง่าย
นายถิรพงศ์ กล่าวต่อว่า บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (บีไอจี) ในฐานะผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมครบวงจรในประเทศไทยเพื่อเป็นผู้ให้บริการก๊าซ LNG ให้กับบริษัท รวมถึงดูแล ติดตั้ง อุปกรณ์ให้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีแผน ที่จะลงทุนเพื่อประหยัดพลังงานอื่นๆอีกด้วย เช่น แผนลดต้นทุนค่าไฟฟ้า โดยใช้ Solar roof ซึ่งจะลดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า 15%
"กลุ่มมิลล์คอนให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างการใช้พลังงานครั้งนี้มาก เพราะถ้าทำได้ตามแผนต้นทุนพลังงานก็จะลดลงค่อนข้างมาก และโรงงานเหล็กของเราก็จะเป็นโรงงานสีเขียว ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่ยั่งยืน และแข็งแกร่ง" นายถิรพงศ์ กล่าว