AAV เจรจาพันธมิตรยุโรป 3 รายร่วมทุนตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานในอู่ตะเภา พร้อมเปิดศูนย์ฝึกอบรมนักบินและลูกเรือ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 14, 2018 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรสัญชาติยุโรป 3 รายจาก 3 ประเทศ เพื่อคัดเลือกให้เข้ามาร่วมลงทุนโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์นี้

โดยสัปดาห์นี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปเงื่อนไขการใช้ที่ดินจำนวน 60 ไร่ ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งระยะเวลาการเช่าที่ดิน หลังจากนั้นคาดใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง และน่าจะเกิดดำเนินการได้ในไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ของปี 62

อย่างไรก็ตาม AAV อาจจะลงทุนไม่มากนัก หรือถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 15% เพราะไม่ใช่ธุรกิจหลัก ขณะที่พันธมิตรที่เข้ามาลงทุนโครงการนี้จะมีลูกค้าหลักคือกลุ่มแอร์เอเชียที่ปัจจุบันมีจำนวนเครื่องบินกว่า 200 ลำ โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย สามารถลดต้นทุนได้ทั้งน้ำมันที่ไม่จำเป็นต้องให้นักบินทำการบินไปประเทศอื่นเพื่อเข้าซ่อมบำรุงเครื่องบิน และนักบินก็สามารถใช้เวลาเพิ่มชั่วโมงบินได้มากขึ้น ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงของแอร์เอเชียจะต่ำลงเพราะเป็นพันธมิตรร่วมกัน

นอกจากนี้ บริษัทจะลงทุนโครงการศูนย์ฝึกอบรมนักบินและลูกเรือ มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทเพิ่งอนุมัติโครงการ โดยจะใช้ที่ดิน 19 ไร่ใกล้กับท่าอากาศยานดอนเมือง หลังจากนี้จะหาผู้รับเหมาและเริ่มก่อสร้าง โดยใช้ระยะเวลา 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง ก็จะเปิดทำการได้ในปลายปี 62

ปัจจุบัน สายการบินไทยแอร์เอเชียมีจำนวนนักบินราว 1 พันคน ซึ่งทุก 6 เดือนต้องกลับไปฝึกบินกับเครื่องซีมูเลเตอร์ และแนวโน้มจะมีจำนวนนักบินเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของบริษัท

นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 โครงการจะช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัท ได้ราว 0.5 -1.0% ที่บริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมัน และ จำนวนชั่วโมงบินที่สูญเสียระหว่างการนำเครื่องบินไปซ่อมบำรุง

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมจะออกหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 5 ปี และ 7 ปี เตรียมขายนักลงทุนสถาบันในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะให้ข้อมูลนักลงทุนในวัน 17 พ.ค.นี้ การระดมทุนดังกล่าวนำมาใช้ใน 2 โครงการดังกล่าว คาดว่าจะได้ต้นทุนการเงินต่ำลง จากปัจจุบันมีต้นทุนการเงินกว่า 3%

นอกจากนี้ นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากภาครัฐให้ช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็น 15-20 ล้านคน จากปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสาร 1.5 ล้านคน ซึ่งมีอาคารผู้โดยสารที่รองรับผู้โดยสารได้ 3 ล้านคน และจะมีการเพิ่มอาคารผู้โดยสารรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น หรืออาคารผู้โดยสารรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ ทั้งนี้ สายการบินไทยแอร์เอเชียก็มีแผนเพิ่มเที่ยวบินเข้าอู่ตะเภาให้มากขึ้น

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ นายธรรศพลฐ์ คาดว่ากำไรในไตรมาส 2/61 จะอ่อนตัวกว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/61 ที่มีกำไร 1 พันล้านบาทซึ่งดีกว่าคาด และคาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงไตรมาส 2/60 ที่มีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นไปถึง 83-86 เหรียญ/บาร์เรล จากที่บริษัทคาดว่าราคาน้ำมันทั้งปีเฉลี่ยที่ 70 เหรียญ/บาร์เรล

อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนจะทยอยปรับราคาตั๋วขึ้น 2-3% ในไตรมาส 2/61 แม้จะไม่สามารถครอบคลุมราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมาแล้ว แต่ก็จะช่วยบรรเทาได้บ้าง ซึ่งมั่นใจว่าไตรมาสนี้ไม่เห็นการขาดทุน อย่างไรก็ดี ขึ้นกับการแข่งขันด้วยหากคู่แข่งไม่ปรับขึ้นราคาตั๋ว ไทยแอร์เอเชียก็ปรับขึ้นราคายาก และในไตรมาส 2 นี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น

ในไตรมาส 1/61 บริษัทสามารถปรับราคาตั๋วขึ้นมาได้ 6% เพราะมีความต้องการเดินทางสูง และคาดว่าในไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 จะทยอยปรับขึ้นราคาตั๋วได้ดีกว่าไตรมาส 2/61 โดยคาดว่าทั้งปี 61 จะสามารถปรับขึ้นราคาตั๋วเฉลี่ยราว 5-6%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ