นายวิทวัส สวัสดิ์-ชูโต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและดิจิตอล บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรมร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวมีอายุ 3 ปี ซึ่งจะร่วมผลักดันงานวิจัยให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเข้าสู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพื่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่และยังเป็นการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับประเทศด้วย
ปัจจุบัน ปตท.มีศูนย์นวัตกรรมและศูนย์วิจัยวังน้อย ตั้งอยู่ในพื้นที่วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และยังมีพื้นที่คงเหลือ ซึ่งก็จะได้หารือกับ NIA เพื่อใช้พื้นที่ว่างดังกล่าวในการพัฒนานวัตกรรมด้านใดบ้าง โดยที่ผ่านมา ปตท.ก็ได้จัดทำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือกับ NIA ตลอดอายุ 3 ปีนี้ก็เชื่อว่าจะเห็นนวัตกรรมออกมาหลายเรื่อง ทั้งในส่วนของที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า หรือในส่วนของพลังงานทดแทน
โดยในส่วนของพลังงานทดแทนขณะนี้กลุ่ม ปตท.ได้พัฒนาเชื้อเพลิงขยะในรูปแบบ RDF เพื่อรองรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ของกลุ่ม ปตท.ในจ.ระยอง ที่จะมีขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต RDF อยู่แล้ว แต่ปตท.ก็ได้ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อที่จะพัฒนาให้ RDF สามารถผลิตก๊าซฯออกมาได้มากขึ้นรองรับการผลิตไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ขณะที่โรงไฟฟ้าขยะชุมชนของกลุ่มปตท.นั้น อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติจากทางการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปีนี้
นายวิทวัส กล่าวอีกว่า สำหรับการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้านนวัตกรรมของปตท.มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับเทคโนโลยีด้านพลังงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Disruptive Technology) จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3% ของกำไรสุทธิ ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่าควรจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 10% ของกำไรสุทธิ โดยเตรียมที่จะนำหารือในการประชุมกำหนดกลยุทธ์กลุ่มปตท. หรือ Strategic Thinking Session (STS) ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงกลางปีนี้
"ขึ้นอยู่กับการประชุม STS ว่าจะปรับกันอย่างไร แต่เป็นสิ่งที่เตรียมว่าจะต้องพูดใน Strategic Thinking ว่าจะทำอย่างไรกับงบในส่วนนี้ว่าจะต้องเพิ่มอย่างไรบ้าง ส่วนจะเพิ่มมากน้อยเท่าไหร่นั้น ถ้าถามใจผมก็อยากให้ได้ถึง 10% ของกำไรสุทธิ ตอนนี้เอ็กซอน พวกนี้ก็ base on revenue แต่ท้ายที่สุดแล้วผมก็ยังตอบไม่ได้เต็มปากว่าท้ายที่สุดเราจะลงทางด้านนี้เป็นเงินเท่าไหร่ แต่เราก็อยู่ในธุรกิจ oil & gas เหมือนกัน"นายวิทวัส กล่าว
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม PTT กล่าวว่า สำหรับการลงทุน R&D ของกลุ่มปตท.ก็จะต้องมีความระมัดระวังด้วย เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ยังมีความเสี่ยง ซึ่งจะต้องตั้งอยู่บนความเสี่ยงที่เหมาะสม
สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อของกระทรวงคมนาคมนั้น โครงการดังกล่าวมีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นเจ้าของพื้นที่ ซึ่งยังต้องติดตามว่าจะมีนโยบายอย่างไร เบื้องต้นเข้าใจว่าได้เริ่มหารือกับกระทรวงคมนาคมแล้ว โดยการพิจารณาแผนงานต่าง ๆ ต้องรอดูว่าการดำเนินการจะออกมาในรูปแบบของการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) หรือในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ไฟฟ้า ซึ่ง ปตท.ก็ได้ศึกษาร่วมกับญี่ปุ่นเพื่อหารูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดยังอยู่ในกระบวนการศึกษา โดยยังไม่มีการตัดสินใจแต่อย่างใด
ส่วนการที่รัฐบาลได้ออกพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ปตท.คงต้องติดตามทิศทางของเทคโนโลยี เพราะบางเทคโนโลยีก็มีการนำมาใช้ อย่าง QR Code ,Blockchain แต่ในส่วนของ Cryptocurrency และ Bitcoin ยังเป็นสิ่งที่ต้องมีความระมัดระวัง ซึ่งต้องติดตาม ที่ผ่านมา ปตท.ก็มีความร่วมมือกับธนาคารใหญ่ ที่จะพัฒนาเรื่องดิจิทัล ซึ่งเชื่อว่าธนาคารของไทยก็ยังสามารถแข่งขันในระดับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ได้ ซึ่ง ปตท.ก็มีการติดตามดูแล โดยที่ยังไม่ใช้ทั้งในส่วนของ Cryptocurrency หรือ Bitcoin