นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 1/61 มีรายได้รวมเท่ากับ 1,409.96 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนทีมีรายได้ 1,406.96 ล้านบาท ขณะที่ มีกำไรสุทธิ 494.29 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 563.03 ล้านบาท
ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความแตกต่างของกำไร เนื่องจากบริษัทมีการชำระหนี้เจ้าหนี้การค้าต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ปรากฏในงบการเงินจึงมีมูลค่า 20.10 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนมีจำนวน 83.12 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการชำระหนี้เจ้าหนี้การค้าต่างประเทศดังกล่าวจะไม่กระทบในไตรมาสถัดไปหลังจากที่บริษัทฯสามารถบริหารจัดการได้เรียบร้อยแล้วดังนั้นจึงคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตในทิศทางที่ดีและผู้ถือหุ้น และนักลงทุนไม่ต้องกังวล
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 760 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โดยโครงการโรงไฟฟ้าขยะกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดสระแก้ว ที่มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของทุน (EIRR) อยู่ที่ 18-20 % , โครงการโซลาร์ฟาร์ม สำหรับสหกรณ์ภาคการเกษตร เฟส 2 กำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ นอกจากนี้โครงการโซลาร์ราชการและสหกรณ์,การซื้อขายไฟฟ้าในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ SPP Hybrid Firm จำนวน 32 เมกะวัตต์ การขายไฟฟ้าโดยตรงให้กับลูกค้าในลักษณะ Private PPA จะเริ่มดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในช่วงครึ่งหลังปี 2561
นายจอมทรัพย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ นอกเหนือจากการลงทุนพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ ที่ SUPER ถือหุ้น 51% จะทยอยก่อสร้างเฟสแรกในไตรมาส 4/61 บริษัทยังอยู่ระหว่างการพูดคุยการลงทุนในอีก 1-2 ประเทศ เพื่อเข้าซื้อกิจการธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส โดยจะเน้นลงทุนประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เพราะการลงทุนในต่างประเทศเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าให้อัตราผลตอบแทนที่สูงเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20% และยังเป็นการผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563 ตามเป้าหมายอีกด้วย
"กองทุนโครงสร้างพื้นฐานก็น่าจะเป็นไปตามแผนคือยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานก.ล.ต. ได้ปลายเดือนพค.-มิย. นี้และเข้าซื้อขายภายในปีนี้ รวมถึงรายได้ปีนี้เช่นกันที่จะเติบโต 25% จากปีก่อน 5,800 ล้านบาท ขณะที่สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) คาดว่าจะอยู่ที่ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 760 เมกะวัตต์" นายจอมทรัพย์ กล่าว