นายชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ.แพรนด้าจิวเวลรี่ (PDJ) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/61 โดยคาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ จากไตรมาสแรกที่มีผลขาดทุนสุทธิ 92.53 ล้านบาท
เนื่องจากทิศทางทั้ง 3 ธุรกิจปรับตัวดีขึ้น โดยธุรกิจฐานการผลิตนั้นลูกค้ารายใหญ่มีออร์เดอร์เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจค้าปลีกเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ที่หลายหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ ขณะที่ฐานการจัดจำหน่ายมีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งการดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนทุกธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
อนึ่ง PDJ แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 1/61 รายได้รวม 707.10 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 945.39 ล้านบาท หรือลดลง 25.20% และมีผลขาดทุนสุทธิ 92.53 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 77.17 ล้านบาท เนื่องจากช่วงเดียวกันปี 60 บริษัทมียอดขายที่สูงขึ้นกว่า 60% จากงบเฉพาะกิจการ ซึ่งยอดขายมาจากฐานการผลิต อย่างไรก็ตาม รายได้ของงบเฉพาะกิจการตั้งแต่ไตรมาส 2/60 จนถึงไตรมาส 1/61 เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทฯ ปรับปรุงเพิ่มขึ้นจาก 22.36% มาอยู่ที่ 26.99% เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นของฐานการจัดจำหน่ายที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากมียอดการขายลดราคาน้อยลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
แต่บริษัทได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้มีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ กลุ่มบริษัทฯจึงมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นมาที่ 36.12 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 22.98% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 29.37 ล้านบาท
นายชนัตถ์ กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจยอดขายปีนี้จะเติบโต 20% แตะ 3.7 พันล้านบาท จากการปรับโครงสร้างทางการเงิน ลดต้นทุนการขาย ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 45% และในครึ่งปีหลัง 55%
ทั้งนี้ บริษัทมีการบริหารจัดการสินทรัพย์หมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้กระแสเงินสดเป็นบวกอยู่ที่ 131.51 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 65.74 ล้านบาท ขณะที่ภาระการชำระเงินกู้ยืมของบริษัทลดลงอย่างมาก โดยมีเงินสดใช้ไปเพื่อการจัดหาเงิน 33.66 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ต้องชำระคืนเงินกู้ยืม 271.68 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้นมาก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตตามเป้าหมาย
ส่วนการลงทุนในปีนี้จะมุ่งเน้นไปด้านการตลาด โดยตั้งเป้างบลงทุนไว้ที่ 3-5% ของยอดขายรวม เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ Prima Diamond บนออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนที่จะเข้ามาซื้อผลิตภัณฑ์ในสาขา
"การลงทุนปีนี้เราคงไม่ได้มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 60-70% แล้ว ซึ่งถือว่ายังเพียงพอ ขณะที่การขยายสาขาในประเทศ ขณะนี้ถือว่ามีค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 120 สาขา แต่การลงทุนจะเน้นไปที่การสร้างการรับรู้ของแบรนด์มากกว่า เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป"นายชนัตถ์ กล่าว