นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/61 กลุ่มบริษัทSAMART มีรายได้รวม 2,431 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 14 ล้านบาทลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสทธิ 35 ล้านบาทเป็นผลมาจากการลดลงของกำไรจากสายธุรกิจ ICT Solution and Service และ Contact Center
ทั้งนี้ ในปี 60 SAMART ขาดทุน 948 ล้านบาท
ในไตรมาส 1/61 กลุ่ม ICT Solution มีรายได้ 1,432 ล้านบาท กำไร 61 ล้านบาท กลุ่ม Samart Digital มีรายได้ 172 ล้านบาท ขาดทุน 145 ล้านบาท กลุ่ม Samart U-Trans มี Cambodia Air Traffic Services เป็นหัวหอกสำคัญ มีรายได้ 742 ล้านบาท กำไร 123 ล้านบาท
ด้านกลุ่ม Related Business โดยบมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ มีรายได้รวม 170 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.1 ล้านบาท ได้รับการว่าจ้างให้ต่อสัญญาหลายฉบับ มูลค่ารวมประมาณ 190 ล้านบาท ส่งผลให้มีงานในมือแล้วประมาณ 835 ล้านบาท ที่สำคัญมีการจัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ "บริษัท อินโน ฮับ จำกัด" เพื่อดำเนินการวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ และนวัตกรรมใหม่ๆ รองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อต่อยอดธุรกิจ Contact Center ในส่วนของ non-voice เช่น Social monitoring, Chatbot
สายธุรกิจ ICT Solution ภายใต้กลุ่ม บมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) มีมูลค่างานในมือรวม 10,000 ล้านบาทในปัจจุบัน ล่าสุดได้เซ็นสัญญาโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินระยะที่สองของกรมที่ดิน มูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท และมีโครงการใหญ่ที่จะเข้าประมูลเพิ่มเติมในปีนี้ อีกนับสิบโครงการ มูลค่ารวมหลายหมื่นล้าน
ส่วน บมจ.สามารถ ดิจิตอล (SDC) ซึ่งอยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนและปูทางสู่ธุรกิจใหม่ๆ สายธุรกิจอื่นๆของกลุ่มสามารถล้วนมีผลการดำเนินงานที่เติบโตตามเป้าหมาย นอกจากจะเร่งขยายธุรกิจ Digital Trunked Radio อย่างจริงจังแล้ว ยังได้มีการพัฒนา Content Application ใหม่ๆ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ประจำจากดิจิตอลคอนเทนส์
ล่าสุด เปิดตัวแอพพลิเคชั่น Trippointz ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว 12 เมืองรอง โดยนักท่องเที่ยวสามารถใช้แอพนี้ในการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งที่กิน ที่พัก ที่เที่ยว และได้รับสิทธิประโยชน์และของรางวัลมากมายจากการสะสมแต้ม พร้อมต่อยอดแอพ Trippointz สู่การเป็น "วันสต็อบ" ในเรื่องของการท่องเที่ยวครบวงจรต่อไป และตั้งเป้าจำนวนดาวโหลด 100,000 รายในสิ้นปี
ส่วนบริษัท เทด้า จำกัด ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มสามารถยูทรานส์ก็มีโอกาสการเติบโตทางธุรกิจที่ชัดเจนจากนโยบายในการนำสายไฟลงดินของการไฟฟ้านครหลวง ที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญา มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท และคาดว่าจะได้เซ็นสัญญาโครงการใหม่ มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาทในเร็วๆนี้
"ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศกำลังส่อเค้าสัญญาณดีขึ้นเรื่อยๆ บวกกับปริมาณงานโครงการที่เราจะร่วมประมูลมากกว่าทุกปี ผมจึงมีความมั่นใจว่าปีนี้กลุ่มสามารถจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ทั้งรายได้และกำไร รวมทั้งบริษัทจะเติบโตอย่างยั่งยืนหลังการทรานสฟอร์มธุรกิจในสายดิจิตอลเป็นผลสำเร็จ" นายวัฒน์ชัย กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ SAMART เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ลงนามในสัญญาสินเชื่อกับสถาบันการเงินในวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,250 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 โดยมีกำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ภายใน 1 ปี