นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งซึมลง เนื่องจากล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ อายุ 10 ปีได้พุ่งขึ้นมาที่ระดับราว 3.06% ทำจุดสูงสุดในรอบ 7 ปี ทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปได้ถึง 4 ครั้ง แต่ยังคงมองกรอบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นไปได้ทั้ง 3-4 ครั้งในปีนี้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/61 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงโค้งสุดท้าย เพราะเท่าที่ดูหุ้นขนาดใหญ่ที่ประกาศงบฯออกมาก็เป็นไปตามคาด อย่างหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี ทำให้ยังไม่มีแรงดันให้ตลาดฯขึ้นไปได้มาก แต่ตลาดฯยังได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดกลาง อย่างหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล และสาธารณูปโภค ที่มีการเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางขึ้นมา
นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน และให้ดูเรื่องมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 จะมีการเลื่อนใช้หรือไม่ หากมีการเลื่อนใช้จะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันการเงิน และหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินอาจจะขึ้นมาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง
ทั้งนี้ ดูแล้วภาพการลงทุนอาจจะยากขึ้น ดังนั้น ควรจะเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัว โดยให้เลือกลงทุนหุ้นที่ไม่มีความเสี่ยงและสามารถทำกำไรในระยะสั้นได้ด้วย โดยเน้นหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ยัง Laggard อยู่ อย่างหุ้น BANPU, SAPPE ก็น่าสนใจเพราะปีนี้คาดว่าจะเติบโตดี จากฐานต่ำในปีที่แล้ว เป็นต้น
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,760-1,790 จุด