นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็ตเบย์ (NETBAY) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/61 (ม.ค. – มี.ค. 2561) ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและไตรมาสก่อนหน้า โดยมีกำไรสุทธิ 35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 26.44 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 86.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการให้บริการ 73.33 ล้านบาท โดยยังเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาสนับตั้งแต่บริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เมื่อเดือน มิ.ย.59
ปัจจัยการเติบโตในไตรมาส 1/61 มาจากการปรับตัวของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกรรมมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลแทนการใช้เอกสาร และยังได้รับผลดีจากภาคการส่งออกที่ขยายตัว ส่งผลให้บริษัทฯ มีปริมาณการใช้บริการ Digital Business Services เพื่อทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ออนไลน์) ผ่านเน็ตเบย์ เกตเวย์เพิ่มขึ้น เพราะเล็งเห็นถึงการเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวกรวดเร็วและไม่ต้องมีต้นทุนการจัดเก็บข้อมูลเมื่อเทียบกับการทำธุรกรรมด้วยเอกสารแบบเดิม
นอกจากนี้สามารถขยายฐานลูกค้าจากการเปิดให้บริการใหม่ ภายใต้ชื่อ TG-e-Import Service Payment Gateway ที่เป็นความร่วมมือกับการบินไทย ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงไทย เพื่อเปิดรับชำระเงินค่าคลังสินค้าของการบินไทยในสนามบินสุวรรณภูมิให้แก่ผู้ใช้บริการผ่านทางเน็ตเบย์ เกตเวย์
สำหรับการดำเนินธุรกิจให้บริการ Digital Business Services ในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) หรือซอฟท์แวร์ที่ให้บริการผ่านระบบออนไลน์ยังมีแนวโน้มการเติบโตอีกมาก เนื่องจากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ยังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านมาทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์แทนการใช้เอกสาร โดยประเมินว่าในปัจจุบันมีการทำธุรกรรมทางออนไลน์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% เท่านั้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในอนาคตผู้ประกอบการจะเห็นถึงข้อดีและปรับเปลี่ยนมาทำธุรกรรมทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อโอกาสขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตที่มั่นคง