นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/61 จะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงโรงไฟฟ้าเดิม ให้มีความสามารถในการจ่ายไฟฟ้าได้ดีขึ้น ประกอบกับติดตามความคืบหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยในปี 61 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตแล้วเป็น 6,847 เมกะวัตต์ (MW) จากปัจจุบันที่มี 6,624.5 เมกะวัตต์ ซึ่งปลายปีนี้คาดว่าจะสามารถ COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mount Emerald กำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Collinsville กำลังการผลิต 42.5 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 4/61 นี้
ขณะเดียวกันบริษัทมีความสนใจในการเข้าลงทุนโครงการในต่างประเทศเพิ่มเติม ทั้งในประเทศออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศ CLMV โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยความชัดเจนได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่ามีความเป็นไปได้ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โรงไฟฟ้าชีวมวล และระบบสาธารณูปโภค
นอกจากนี้บริษัทให้ความสนใจในการลงทุนในสปป.ลาวเพิ่มเติม โดยมองว่าเศรษฐกิจของสปป.ลาวยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีความร่วมมือพัฒนาพลังงานไฟฟ้าไทย-ลาว ซึ่งบริษัทมองเห็นโอกาสในการลงทุนโครงการเพิ่มเติมอีกกว่า 3,000 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าหมายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกองอีก 1-2 โครงการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอสัญญาพัฒนาโครงการ (PPA)
สำหรับความคืบหน้าโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 410 เมกะวัตต์ ในลาวนั้น ปัจจุบันมีการก่อสร้างไปแล้วกว่า 89% และจะเริ่มทดสอบระบบภายในปี 61 คาดว่าจะ COD ในเดือนก.พ.62
นายกิจจา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเข้าประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา) ของกลุ่ม BSR ซึ่งประกอบด้วยบริษัท ,บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) นั้น ยังต้องรอดูเงื่อนไขการประมูล (TOR) และข้อกำหนดก่อน ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดขายเอกสารประกวดราคาในเดือน พ.ค.นี้ นอกจากนั้นยังต้องพิจารณาถึงผลตอบแทนในการลงทุน เพื่อตัดสินใจเข้าประมูลด้วย