ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ไม่เกิน 6.5 พันลบ.ของ CKP ที่ระดับ "A-/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 17, 2018 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ซีเค พาวเวอร์ (CKP) ที่ระดับ "A" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ในวงเงินไม่เกิน 6,500 ล้านบาท ที่ระดับ "A-" โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 1 ระดับ เนื่องจากมีลักษณะการด้อยสิทธิทางโครงสร้าง (Structural Subordination) เมื่อเทียบกับเงินกู้ปัจจุบันของบริษัทย่อย สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้บริษัทจะนำไปลงทุนและชำระคืนเงินกู้ของบริษัท

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงประวัติผลงานของบริษัทในการพัฒนาและดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) ตลอดจนกระแสเงินสดรับที่คาดการณ์ได้จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement -- PPA) กับผู้ซื้อที่มีความน่าเชื่อถือสูง และเทคโนโลยีซึ่งผ่านการพิสูจน์แล้วที่ใช้ในโรงไฟฟ้าพลังน้ำของบริษัท อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดจากความไม่แน่นอนของปริมาณน้ำและความเสี่ยงระดับประเทศของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) (ได้รับอันดับเครดิต "BBB+/Negative" จากทริสเรทติ้ง)

ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 34.5% (เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) เป็น 1,821 ล้านบาท รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมระยะที่ 2 (โรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น 2) ซึ่งเริ่มดำเนินงานในเดือนมิถุนายน 2560

อย่างไรก็ตาม การที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำหน่ายไฟฟ้าลดลง 9.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ลดลงเหลือ 45.2% แต่คาดว่าการจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี โดยปกติปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในไตรมาสแรกจะคิดเป็นประมาณ 6% ของปริมาณน้ำทั้งปี ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ของปีจะมีปริมาณน้ำคิดเป็น 60%-65% ของปริมาณน้ำทั้งหมด

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 บริษัทมีเงินกู้รวม 27,934 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 47.6%

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทจะสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายและบริษัทยังคงได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอนจากการลงทุน นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีจะสามารถเริ่มดำเนินงานได้ตามแผนและให้ผลตอบแทนได้ตามคาด

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสที่บริษัทจะได้รับการปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้านั้นมีค่อนข้างจำกัด ในขณะที่ปัจจัยที่อาจมีผลต่อการลดอันดับเครดิตอาจเกิดจากผลการดำเนินงานโรงไฟฟ้าของบริษัทที่ด้อยกว่าที่ประมาณการไว้ซึ่งจะกระทบกระแสเงินสดของบริษัท หรือโครงการไซยะบุรีเริ่มดำเนินงานล่าช้าไปจากแผนหรือมีผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คาด นอกจากนี้ การลงุทนขนาดใหญ่โดยใช้เงินกู้เป็นหลักซึ่งส่งผลให้สถานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจมีผลต่อการปรับลดอันดับเครดิตลงด้วยเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ