นายปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมองหาซื้อแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Body Care ในกลุ่มที่สเนลไวท์ ซึ่งเป็นแบรนด์หลักไม่ได้ผลิต หลังจากที่ได้ซื้อแบรนด์"อ๊อกซี่เคียว" (Oxe'Cure) เข้ามาเพื่อเพิ่มสินค้าในกลุ่มรักษาสิว โดยมองว่ายังมีการผลิตอีกมากที่สามารถผลิตออกมาวางจำหน่ายในตลาดหลายระดับ
"เราต้องการเพิ่มสินค้าพวกที่สเนลไวท์ไม่ได้ทำและจะไม่ทำอยู่แล้ว อย่าง Oxe' Cure เขาดังเรื่องสเปรย์รักษาสิวที่แผ่นหลัง ซึ่งคนเอเชียเป็นกันมากทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ เราสามารถมาต่อยอดได้อีกมาก เป็นสบู่หรืออย่างอื่น อย่างสบู่รักษาสิวที่ร่างกายในประเทศก็มีมูลค่าตลาดรวมสูงมาก เป็นตลาดที่น่าสนใจ หรืออย่างกลุ่มเส้นผมสเนลไวท์คงไม่ทำ หรือกลุ่มสินค้าที่เป็นตลาด mass จริงๆ ก็คงต้องแยกเป็นแบรนด์เฉพาะ"นายปิยวัชร กล่าว
ส่วนการพัฒนาสินค้า"สเนลไวท์"ยังคงเน้นที่การบำรุงผิว (Skin Care) สามารถต่อยอดไปได้อีกมาก เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณรอบดวงตา ผลิตภัณฑ์เฉพาะแต่ละสภาพผิว เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน SKU ของสเนลไวท์ยังมีน้อยเมื่อเทียบกับแบรนด์ขนาดใหญ่ในตลาดเดียวกัน คือ Premium Mass ที่มีระดับราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น บริษัทก็จะพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ตามแผนงานในปีนี้ที่จะเพิ่มกลุ่มสินค้าเป็น 8 กลุ่ม
ปัจจุบัน สเนลไวท์ มีสินค้า 39 SKU ภายใต้ 5 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า 2. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย 3. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า 4. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย 5. ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด
นายปิยวัชร กล่าวอีกว่า ในด้านการขยายช่องทางการตลาด บริษัทจะเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีโอกาสในการเติบโตค่อนข้างสูง หลังจากสินค้าของบริษัทได้รับใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศจีน (CFDA) เมื่อต้นปี 61 ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ปรับบรรจุภัณฑ์ให้เป็นไปตามที่ อย.จีนกำหนดแล้ว ทำให้มีการชะลอการส่งออกบางส่วนในช่วงไตรมาสแรก แต่จะกลับมาส่งออกได้ตามปกติภายในไตรมาส 2/61 ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลงานในไตรมาสนี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/61 บริษัทมีกำไรสุทธิ 112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 62.4 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 374.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 355.2 ล้านบาท การเติบโตมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์เดิมเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เริ่มขายระหว่างปี 60 จะเริ่มรับรู้รายได้เต็มงวดในปี 61
รวมถึงต้นทุนการขาย และค่าใช้จ่ายในการขายที่ลดลงโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและส่งเสริมการขาย บริษัทได้ปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ หลังจากได้รับ อย.ของจีนต้นปี 61 ซึ่งใช้เวลาปรับปรุงประมาณ 2 เดือน ทำให้มีการชะลอการส่งออกบางส่วนในช่วงไตรมาสแรก แต่จะกลับมาส่งออกได้ตามปกติภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
บริษัทยังคาดว่าผลประกอบการในปี 61 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 60 หลังจากมั่นใจว่ายอดขายช่วงครึ่งปีแรกจะเติบโตขึ้น หลังจากได้รับ CFDA ของจีน ทำให้สามารถนำผลิตภัณฑ์หลักขยายไปยังช่องทางจัดจำหน่ายอื่นเพิ่มเติมได้ เช่น การขายผลิตภัณฑ์ส่ง หรือ Wholesale รวมถึงการขยายช่องทางจัดจำหน่ายแบบออฟไลน์ที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึงลูกค้า และมีมูลค่าตลาดที่สูง
ล่าสุด บริษัทได้เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่าน จูไห่ ดิวตี้ฟรี (Zhuhai Duty Free) ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าแห่งใหม่ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายจากการส่งออกได้ดียิ่งขึ้น และจะนำไปสู่การขายสินค้าแบบออฟไลน์ในอนาคต ซึ่งจูไห่ ดิวตี้ฟรี ตั้งอยู่ชายแดนกงเป่ย ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างจีนและมาเก๊า มียอดนักท่องเที่ยวหมุนเวียนสูงถึง 136 ล้านคนต่อปี หรือเฉลี่ย 250,000 คนต่อวันในช่วงวันธรรมดา และ 400,000 คนต่อวันในช่วงวันหยุด ซึ่งการจำหน่ายสินค้าแบรนด์สเนลไวท์ที่จูไห่ ดิวตี้ฟรี จะช่วยให้ลูกค้าชาวจีน และนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ได้ทำความรู้จักกับแบรนด์และเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
"ในปีนี้เรายังคงเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและในจีนตามแผน ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้การส่งออกไปจีนอาจจะชะลอลงไปจากที่ต้องปรับบรรจุภัณฑ์ แต่หลังจากไตรมาสที่ 2 ก็จะสามารถส่งออกได้ปกติ ซึ่งจะช่วยให้ยอดขายรวมของทั้งปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน ในขณะที่ปีนี้เราจะเน้นการทำ Online Marketing ให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาลง หลังจากสินค้าเป็นที่รู้จักแล้ว ทำให้ตัวเลขของกำไรมีทิศทางที่ดีขึ้น"นายปิยวัชร กล่าว