นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าปริมาณการขายถ่านหินปีนี้ 45 ล้านตัน แม้ปัจจุบันจะมีปริมาณขายถ่านหินล่วงหน้าไปแล้ว 97% ของเป้าทั้งปี ซึ่งส่วนหนึ่งได้ล็อคราคาขายไปแล้ว แต่ยังเหลืออีก 71% ของปริมาณขายล่วงหน้าที่ยังไม่กำหนดราคาขาย
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าราคาขายถ่านหินในปีนี้จะอยู่ที่เฉลี่ย 80-85 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ขณะที่ราคาในตลาดโลกอยู่ที่ 104-107 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
สำหรับปริมาณการสำรองถ่านหินของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 1/61 ลดลงเหลือ 741 ล้านตัน ซึ่งบริษัทมีแผนจะหาปริมาณสำรองเพิ่มเป็น 15 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 11 ปี เน้นการเพิ่มปริมาณถ่านหินจากเหมืองในอินโดนีเซีย โดยอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนขุดเหมืองให้ลึกขึ้น พร้อมกับศึกษาการซื้อเหมืองถ่านหินบริเวณใกล้เคียงกับเหมืองของบริษัท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปี 62
ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการ Shale Gas ในสหรัฐฯ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ หลังราคาก๊าซมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าราคาก๊าซในตลาดโลกจะเพิ่มเป็น 3.03 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียูภายในปี 62 จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.8 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู อีกทั้งบริษัทมองว่าการลงทุนในธุรกิจก๊าซเป็นการกระจายความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่ดี
นางสมฤดี กล่าวว่า ภายในปี 63 บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะกระจายสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี ,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย ( EBITDA) ของ 4 ธุรกิจเป็นดังนี้ ธุรกิจถ่านหิน 45% ธุรกิจไฟฟ้า 40% ธุรกิจก๊าซ 10% และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน 5% จากปัจจุบัน ธุรกิจถ่านหิน 65% ธุรกิจไฟฟ้า 30% ธุรกิจก๊าซ 5% ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานอยู่ในช่วงเริ่มต้น
แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ปริมาณการขายถ่านหินผ่านจุดต่ำสุดของปีในช่วงไตรมาสแรก และราคาขายถ่านหินยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้ายังดำเนินต่อไปตามปกติ ไม่มีการปิดซ่อมบำรุง และไม่มีการบันทึกค่าใช้พิเศษคดีโรงไฟฟ้าหงสาเข้ามากดดันเหมือนที่เกิดขึ้นในไตรมาส 1/61 ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป