นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า การเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของกองทุนเปิดบัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-TOPTENRMF) ระหว่างวันที่ 10-16 พ.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มียอดจองซื้อเข้ามาประมาณ 1,158 ล้านบาท เป็นการทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี ของการเปิดจองซื้อ IPO กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพในอุตสาหกรรม นับตั้งแต่ปี 56
ทั้งนี้ บ่งบอกถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อกองทุนบัวหลวง โดยเฉพาะต่อนโยบายการลงทุนของ "กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล" ที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 24 ปี และมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เมื่อเทียบกับกองทุนอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมกองทุนรวม โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นเพียง 10 ตัวในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มองว่ามีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่สุดในช่วงนั้น ๆ และมีศักยภาพที่จะให้ผลตอบแทนสูง
สำหรับ "บัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ" จะมีนโยบายการลงทุนเหมือน "บัวหลวงทศพล" ทุกประการ แต่จะเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนในการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อนำไปวางแผนลดหย่อน รวมทั้งวางแผนการลงทุนรองรับวัยเกษียณด้วย
"ความสำเร็จของการเปิดเสนอขายครั้งแรกของกองทุน B-TOPTENRMF คงจะไม่ได้มาไกลถึงขนาดนี้ หากว่าไม่ได้รับความร่วมมือร่วมใจ และความทุ่มเทจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายสาขาธนาคารกรุงเทพทุกสาขาทั่วประเทศและผู้สนับสนุนด้านช่องทางทุกแห่ง ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนหลักในการเป็นช่องทางจัดจำหน่ายของกองทุนบัวหลวงมาโดยตลอด และที่สำคัญที่สุด ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจกับการบริหารงานของกองทุนบัวหลวงด้วยดีเสมอมา" นายพีรพงศ์ กล่าว
สำหรับนโยบายของกองทุนบัวหลวงในปีนี้ นายพีรพงศ์ กล่าวว่า จะให้ความสำคัญกับธีมการลงทุน "ตลอดสายซัพพลายเชน ตามเทรนด์อีคอมเมิร์ซและยานยนต์ไฟฟ้า" โดยจะถือครองหุ้นในกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ ตามธีมการลงทุนที่วางไว้ เพราะมีความเชื่อมั่นสูงว่า กลุ่มธุรกิจเหล่านี้จะมีโอกาสเติบโตในอนาคต
นายพีรพงศ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโต 4% ซึ่งฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ด้วยความที่หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดไทยได้สะท้อนความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปพอสมควรแล้ว ทำให้ระดับ Valuation ของตลาดไทยอาจจะตึงตัวไปสักหน่อย ปีนี้จึงอาจจะเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายในการลงทุนตลาดหุ้นไทย และทิศทางตลาดหุ้นไทยโดยรวมอาจจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways Up/down
ดังนั้น เชื่อว่า การเลือกลงทุนหุ้นเฉพาะเป็นรายตัวอย่างพิถีพิถันเพียงไม่กี่ตัวน่าจะตอบโจทย์สำหรับการลงทุนในอนาคต 1-2 ปีนี้ได้ดี และนี่เป็นสิ่งที่กองทุนใหม่กองนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงจากการกระจุกตัว (Concentration Risk) ของการลงทุนได้ ซึ่งนโยบายการลงทุนของกองทุนแบบบัวหลวงทศพลนี้ เป็นลักษณะสำคัญที่เป็นจุดเด่นของกองทุนประเภท Active Management ที่ต้องอาศัยความสามารถของผู้จัดการกองทุนเป็นหลัก