โบรกเกอร์ต่างเห็นพ้องแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ช.การช่าง (CK) หลังคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2/61 ดีกว่าไตรมาส 1/61 รวมทั้งครึ่งหลังปี 61 ก็คาดจะมีผลประกอบการดีขึ้น จากงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และมีเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยเข้ามา ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 1/61 มีกำไรที่ราว 302 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/60
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ก็จะมีงานประมูลภาครัฐออกมา CK ก็มีโอกาสได้งานใหม่ซึ่งจะทำให้มีงานในมือ (Backlog) เข้ามาเพิ่มจากปัจจุบันมี Backlog ราว 7-7.8 หมื่นล้านบาท โดยโครงการใหญ่ที่คาดจะเปิดประมูล ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ , มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา และบางใหญ่-กาญจนบุรี และทางด่วนพระรามสาม-ดาวคะนอง โดยทั้ง 3 โครงการผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่เพิ่มจากบริษัทลูกทั้ง BEM และ CKP ที่มีงานเขื่อนหรือฝายน้ำล้นในประเทศลาว
พักเที่ยงราคาหุ้น CK อยู่ที่ 24.80 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.40%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง0.13%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 38.00 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 38.00 ฟิลลิปฯ ซื้อ 35.00 เคจีไอฯ Outperform 32.10 ทรีนีตี้ ซื้อ 32.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 31.00 หยวนต้าฯ T-Buy 29.50 ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ ซื้อ 27.00
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลประกอบการของ CK ในไตรมาส 1/61 มีกำไรสุทธิ 302 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ผลประกอบการจะออกมาไม่ค่อยดี แต่คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้น และรอลุ้นงานภาครัฐที่จะออกประมูล โดยคาดว่าในเดือนมิ.ย.นี้จะเริ่มออกเงื่อนไขการประมูล (TOR) ในหลายโครงการก็จะช่วยทำให้ CK ได้งานเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน CK ก็ยังได้แรงหนุนจากบริษัทลูกต่าง ๆ ได้แก่ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ,บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) และบมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนสูงราว 5.48 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 32.37 บาท/หุ้น
"หุ้นรับเหมาเล่นเก็งกำไรเป็นรอบ โดยรอบนี้น่าจะมีโอกาสที่จะเข้าประมูลงานภาครัฐในปลายไตรมาส 2 จาก 5 เดือนที่ผ่านมาไม่มีงานภาครัฐออกมาเลย ทั้งนี้ CK เป็นหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง"นายสุรชัย กล่าว
บทวิเคราะห์บล.ทิสโก้ ระบุว่า CK รายงานผลประกอบการในไตรมาส 1/61 ที่ 302 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 165% จากไตรมาสก่อน แต่หากไม่รวมรายการพิเศษแล้วผลประกอบการจะเพิ่มขึ้น 11.4% จากงวดปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากขาดทุน 98 ล้านบาทในไตรมาส 4/60 โดยผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นมาจากไม่มีการตั้งสำรองหนี้เสียของ กิจการร่วมค้าบีบีซีดี จำนวน 284 ล้านบาทในไตรมาส 4/60 และคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นต่อในไตรมาส 2/61 และครึ่งหลังปี 61 จากรายได้ของการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
ผลประกอบการไตรมาส 2/61 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก จากการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลรับจาก TTW ขณะที่งานในมือจะเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังปี 61 จากการประมูลโครงการภาครัฐที่เพิ่มขึ้น โดยยังคงแนะนำให้ "ซื้อ" หุ้น CK จากแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นในปีนี้จากโครงการใหม่ๆ ทั้งในและนอกประเทศ
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น CK ที่ราคาเป้าหมาย 32 บาท เพราะทิศทางรายได้และกำไรยังคงแข็งแรงจากระดับ Backlog ที่ดี อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากรายรับดอกเบี้ยเงินกู้ของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ปีละประมาณ 800-1,000 ล้านบาท รวมถึงมีโอกาสลุ้นงานภาครัฐที่จะทยอยเปิดประมูลโครงการตามแผน โดย CK สามารถเข้าประมูลงานก่อสร้างเอง หรือใช้กลยุทธ์การรับงานผ่านบริษัทลูก
ณ ปัจจุบัน CK มี Backlog ในมือราว 7.8 หมื่นล้านบาท โดยในปีที่แล้วได้รับงานใหม่ราว 5 หมื่นล้านบาท จากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสัญญา M&E โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย
ส่วนปีนี้มีโอกาสาลุ้นเปิดประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ,มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา และ บางใหญ่-กาญจนบุรี และทางด่วนพระรามสาม-ดาวคะนอง โดยทั้ง 3 โครงการผ่านครม.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ทาง CK ยังเล็งไปที่โครงการรถไฟทางคู่ จิระนคร-อุบลราชธานี และ ขอนแก่น-หนองคาย เนื่องจากจะได้เชื่อมกับโครงการรถไฟทางคู่ จิระนคร-ขอนแก่น ที่ทำอยู่
ด้านแนวโน้มการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างแข็งแรงและเติบโต ประกอบกับมีแรงหนุนที่ดีจากรายรับดอกเบี้ยเงินกู้ของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด จนกระทั่งมีการจ่ายคืนเงินต้นหลังโครงการไซยะบุรีเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงราวปี 62 และส่วนแบ่งกำไรที่มีทิศทางเติบโตจากบริษัทลูกอย่าง BEM
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลประกอบการของ CK ในไตรมาส 2/61 มีโอกาสเติบโตจากรายได้และเงินปันผลรับ จากความคืบหน้าของงานใหม่ทั้งรถไฟฟ้าสายสีส้ม และรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น ที่มากขึ้น รวมถึงได้รับเงินปันผลจากบริษัทลูก ณ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือราว 7 หมื่นล้านบาท สามารถรองรับรายต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า และบริษัทเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ เช่น รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีม่วง และส้ม รถไฟทางคู่เฟส 2 คาดว่าจะเริ่มเห็นความคืบหน้าในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นประเด็นเก็งกำไรรอบสั้นๆ ได้
ทั้งนี้ คงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 61 ที่ 29.50 บาท โดยประเด็นบวกของ CK ยังอยู่ที่โอกาสได้รับงานใหม่ทั้งงานจากภาครัฐต่างๆ ที่เตรียมประมูล โดยคาดหมายงานใหม่ที่อยู่ระหว่างเจรจาคือ งานเขื่อนหรือฝายน้ำล้นในประเทศลาว และโอกาสที่จะได้รับงานใหม่เพิ่มจากบริษัทลูก ทั้ง BEM และ CKP โดยมีประเด็นติดตามคือเรื่องความคืบหน้าของการงานประมูลภาครัฐ ซึ่งหากยังคงล่าช้าจะมีผลต่อการเติบโตของรายได้ในอนาคต