นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาสที่ 2/61 ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้อาจลดลงจากไตรมาส 1/61 ที่มีการรับรู้รายการพิเศษเข้ามา โดยบริษัทยังดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทกว่า 9 พันไร่ ที่ได้รับประโยชน์จากการตั้งโครงการในพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ขณะเดียวกันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมลงทุนกับพันธมิตรในลงทุนในพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2 พันไร่ ซึ่งคาดว่าจะอาจมีความชัดเจนอย่างน้อย 1 รายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยบริษัทตั้งเป้าถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50-60% ตามนโยบายของบริษัท
ด้านการขยายการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทได้มีการลงทุนและพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามได้รับอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการส่งมอบพื้นที่จากรัฐบาล โดยในไตรมาสที่ 3/61 จะสามารถเข้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ และคาดว่าในไตรมาสที่ 4/61 จะสามารถทำการขายได้ 100 ไร่ จากที่มีลูกค้าเข้ามาติดต่อบ้างแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศเมียนมา เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจน้ำและโลจิสติกส์ ซึ่งมีบางดีลใกล้แล้วเสร็จและอาจเห็นอย่างน้อย 1 รายภายในปี 61 ด้วย
สำหรับการจัดตั้งบริษัทย่อยกับ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) โดยกลุ่ม WHA ถือหุ้น 60% และ IRPC ถือหุ้น 40% เพื่อร่วมทุนทำธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง บนพื้นที่ราว 2.2 พันไร่ คาดว่าจะเริ่มมีการโอนที่ดินได้ในไตรมาสที่ 3/61 และได้ EIA ในปี 62 บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มขายที่ดินและรับรู้เป็นรายได้ในปี 64 โดยมีการลงทุนทั้งหมดราว 3 พันล้านบาท สำหรับการซื้อที่ดิน ระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะมีการทยอยลงทุนเป็นเฟส ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปี (61-63) ทั้งนี้คาดว่าเมื่อขายหมดจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ราว 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้
นางสาวจรีพร กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโต 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 12,409.96 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าขายที่ดินราว 1.4 พันไร่ ประกอบกับบริษัทมีแผนขายสินทรัพย์ให้กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมียม โกรท (กองทรัสต์ WHART) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (กองทรัสต์ HREIT) ในช่วงปลายปีนี้ มูลค่ารวมราว 3-4 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายและสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 4/61