นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/61 คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/61 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจโรงแรม ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการลดลง และธุรกิจอาหารยังไม่ฟื้นตัวกลับมาดี หลังจากที่การจับจ่ายใช้สอยยังคงชะลอตัวอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบให้ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ของร้านอาหารในเครือของบริษัทยังคงติดลบอยู่ในปัจจุบัน ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/61 ที่ -0.6% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันหลักให้กับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61
อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยที่รายได้รวมเติบโต 7-8% จากปีก่อน จากปัจจัยหนุนของธุรกิจโรงแรมยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนและรัสเซียที่เริ่มเห็นการกลับมาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
รวมทั้งมีรายได้เข้ามาเพิ่มจากการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ๆทั้งโรงแรมที่บริษัทพัฒนาเองและรับจ้างบริหาร ซึ่งในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากโรงแรม COSI สมุย ที่เปิดให้บริการไปในเดือน ธ.ค.60 เข้ามาเต็มปี และล่าสุดบริษัทต่อสัญญาการบริหารโรงแรม Centra ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ อีก 20 ปี โดยที่บริษัทตั้งเป้ารายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 3-4% ตามเป้าหมาย โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80%
ส่วนธุรกิจอาหารคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มมีการจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น และการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศจะเริ่มส่งผลต่อรายได้ของประชาชนอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้สอย โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายสาขาเดิม (SSS) ในปีนี้เติบโต 2-3% และยอดขายรวม (TSS) เติบโต 7-8% พร้อมกับการขยายสาขาของร้านอาหารในเครือที่มีอยู่ทั้งหมด 11 แบรนด์ อย่างต่อเนื่อง
"ผลการดำเนินงานของบริษัทจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่าทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเติบโตโดเด่นในไตรมาส 4 ของทุกปี"นายรณชิต กล่าว
ส่วนการลงทุนใหม่ๆ ของบริษัทที่วางงบลงทุนรวมไว้ 2.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนของธุรกิจโรงแรมา 1.2 พันล้านบาท งบลงทุนของธุรกิจอาหาร 1.2 พันล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนอยู่ โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจอาหาร ซึ่งได้มองหาแบรนด์ใหม่เข้ามาเพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่ 11 แบรนด์ ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุดในการลงทุน เพราะธุรกิจอาหารมีหนี้สินลดลงมากและมีกระแสเงินสดที่มากเช่นเดียวกัน
ด้านธุรกิจโรงแรมยังคงมองหาการซื้อหรือบริหารโรงแรมในต่างประเทศเพิ่มเติม เช่น อาเซียน เอเชียตะวันออก โดยเฉพาะญี่ปุ่น และการลงทุนในมหาสมุทรอินเดียในมัลดีฟส์ก็เริ่มก่อสร้างโครงการใน 2 เกาะ จาก 5 เกาะที่ได้สัมปทานมาระยะเวลา 50 ปี ส่วนการลงทุนพัฒนาโรงแรมในประเทศ อยู่ระหว่างการพัฒนาโรงแรม COSI พัทยา จำนวน 151 ห้อง ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 62 และเตรียมพัฒนาโรงแรม COSI เชียงใหม่ จำนวนห้อง 130 ห้อง เงินลงทุน 230-250 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในปี 63