นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ช ทวี (CHO) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของปี 61 บริษัทยังคงมุ่งมั่นขยายตลาดทั้งในประเทศ อาทิ การขยายฐานลูกค้าด้านการขนส่งตามหัวเมืองใหญ่ๆ การเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน และต่างประเทศ อาทิ การเจาะตลาดรถลำเลียงอาหาร , เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง และผลิตรถตามออเดอร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าทยอยส่งมอบปริมาณงานในมือที่มีอยู่ประมาณ 6,000 ล้านบาท พร้อมกับเข้าร่วมประมูลงานใหม่อีกจำนวนมาก
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 1/61 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 870.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 657.91 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 308.82% และมีกำไรสุทธิสำหรับงวด อยู่ที่ 33.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.21 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 146.30% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายได้ตามสัญญาที่เพิ่มขึ้น 365.54% และรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 53.54% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 เป็นไปตามแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งมีรายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นจากยอดขายกลุ่มสินค้ามาตรฐาน งานผลิตรถบรรทุก การประกอบรถโดยสารที่กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ และยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าออกแบบพิเศษ ประกอบกับรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจากการขายอะไหล่ และบริการงานซ่อมรถบรรทุก นอกจากนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย" นายสุรเดช กล่าว
ส่วนความคืบหน้างานโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ภายหลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 ทางกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ในฐานะผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งดังกล่าว ได้รวบรวมประเด็นความเดือดร้อนทั้งหมดไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางในวันที่ 10 พ.ค.61 เนื่องจากกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ได้ทำสัญญาสั่งซื้ออะไหล่ชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ประเทศจีนแล้ว 489 คัน และส่งมอบ รถเมล์ NGV ให้ขสมก. แล้ว 100 คัน แต่ยังไม่ได้รับเงินจาก ขสมก. และตามเงื่อนไขในสัญญาสั่งซื้ออะไหล่และแชสซีจากประเทศจีน กำหนดส่งมอบอีก 200 คัน ภายในเดือน พ.ค.นี้ ส่งผลทำให้ในขณะนี้กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินซัพพลายเออร์ประเทศจีนแล้ว