นายสรัฐ เตกาญจนวนิช ผู้จัดการฝ่ายวางแผนธุรกิจและการเงิน บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป (TOG) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลง จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 7-8% จากปีก่อนที่ทำรายได้ 1.91 พันล้านบาท หลังเงินบาทยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบให้รายได้ในไตรมาส 1/61 ลดลง 0.62% และกำไรสุทธิลดลง 62.03% แม้ว่ายอดขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะเติบโตถึง 10%
"ตอนนี้เรายังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 7-8% แต่เราจะมีทบทวนอีกครั้งหลังผลประการในช่วงไตรมาส 2/61 ออกมาแล้ว โดยบริษัทเชื่อว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยังคงแข็งค่าอยู่ระดับ 32.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่บริษัทคาดการณ์ไว้ที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์ แต่ถ้ามองถึงปริมาณการขายยังถือว่ามีการเติบโตมากกว่า 10% และยอดขายที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเติบโตได้ถึง 10%"นายสรัฐ กล่าว
ในปีนี้ตลาดต่างประเทศยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกไปยังกลุ่มดังกล่าวค่อนข้างมาก โดยตลาดกลุ่มยุโรปเริ่มฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น กลุ่มลูกค้าที่เคยชะลอคำสั่งซื้อไปก่อนหน้านี้เริ่มกลับมาสั่งซื้อสินค้าอีกครั้ง และกลุ่มสินค้าเกรดสูงสามารถสร้างอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ได้มากกว่าเดิมด้วย
สำหรับตลาดสหรัฐฯ หลังจากที่บริษัทจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท ทีโอจี ยูเอสเอไอเอ็นซี (TOG USA, Inc.) ในประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอยู่ระหว่างแก้ไขข้อผิดพลาดของระบบการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า หลังจากที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือน มี.ค.โดยบริษัทฯยังคงเป้ารายได้ราว 1-1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และตั้งเป้าในอนาคตจะมีรายได้เติบโตแตะ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขยายตลาดเอเชียเพิ่มมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ได้ทำตลาดไปบ้างแล้ว แต่ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในจีน 2 ราย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3/61 และเริ่มสร้างรายได้ในไตรมาส 4/61 ซึ่งหากได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เพิ่มเติมด้วย
ส่วนแผนการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตในเฟสที่ 2 ภายในโรงงานแห่งที่ 2 คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในเดือน ส.ค.61 ประเมินมูลค่าการลงทุนเบื้องต้น 150 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยขยายกำลังการผลิตอีก 1 ล้านแผ่นต่อปี และสามารถผลิตสินค้าเพิ่มได้หลายรายการ รวมไปถึงช่วยลดปริมาณกำลังแรงงานในสายการผลิตด้วย