นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า จากการมุ่งเดินหน้าสร้างอาณาจักรออริจิ้น (The Empire of Origin) ในปี 61 บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์กับบริษัท ฟัลครัม โกลบอล จำกัด (Fulcrum Global) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นานาชาติสัญชาติฮ่องกง ให้เป็นผู้ลงทุน (Investor) และผู้บริหารงานขาย (Distributor) โครงการแฟล็กชิพของออริจิ้นในตลาดต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว
โดยตั้งเป้ายอดขายในตลาดต่างประเทศไว้ที่ 4 พันล้านบาท ในปี 61 หรือมีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศเป็น 20-25% ของยอดขายรวมภายในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 15% ของยอดขายรวม และตั้งเป้ายอดขายในต่างประเทศในช่วง 3 ปีรวม 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ปี 61 ที่ 4 พันล้านบาท ปี 62 ที่ 5 พันล้านบาท และปี 62 ที่ 6 พันล้านบาท
พร้อมทั้งบริษัทยังมีแผนจะเปิดสำนักงานออริจิ้น สาขาฮ่องกง ซึ่งมีทั้งห้องตัวอย่างกับทางฟัลครัม รวมถึงมีพนักงานประจำที่สามารถพูดภาษาท้องถิ่นในการให้บริการลูกค้าได้ด้วย เพื่อโปรโมทแบรนด์ของออริจิ้นในตลาดต่างประเทศและช่วยให้ผู้สนใจ มีความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับโครงการของออริจิ้น โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาชมห้องตัวอย่างถึงประเทศไทย
นางสาวเบญญาภา เพิ่มพูล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ ORI เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทสามารถสร้างยอดขายจากลูกค้าต่างชาติได้แล้ว 2 พันล้านบาท จากเป้ายอดขายลูกค้าต่างชาติในปีนี้ที่ตั้งไว้ 4 พันล้านบาท โดยที่ในช่วงปี 61-63 บริษัทยังคงสัดส่วนลูกค้าต่างชาติไว้ที่ 20-25% ของยอดขายรวมในแต่ละปี ซึ่งบริษัทจะขายให้กับพันธมิตรหลัก คือ Fulcrum Global ที่เป็นนักลงทุนเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการของบริษัทแบบยกล็อต แล้วนำไปขายต่อให้กับลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งทาง Fulcrum จะมีผลตอบแทนจากการขายสุทธิ 4%
โดยการขายโครงการให้กับลูกค้าต่างประเทศบริษัทจะแบ่งสัดส่วนของยูนิตในแต่ละโครงการที่ 30-40% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดในแต่ละโครงการขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติ โดยที่ Fulcrum จะเข้ามาลงทุนในโครงการกลุ่ม Park Origin และโครงการอื่นๆที่มองว่าอยู่บนทำเลที่ตอบโจทย์กับลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 3 โครงการคอนโดมิเนียทที่บริษัทขายให้กับ Fulcrum เพื่อนำไปขายต่อ ได้แก่ โครงการ Park พญาไท โครงการ Park ทองหล่อ และโครงการ SPACE รัชโยธิน นอกจาก Fulcrum แล้วบริษัทยังมีพันธมิตรในการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศอีกราว 20 ราย ซึ่งมีฐานลูกค้าในประเทศ จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวั่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และญี่ปุ่น โดยที่ Fulcrum จะเข้ามาช่วยขยายฐานลูกค้าของบริษัทในยุโรปได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ORI เริ่มต้นเข้าสู่ตลาดการขายอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศตั้งแต่เดือน ก.ค. 60 โดยใช้ระบบตัวแทนขายหลายราย สร้างยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 60 ราว 1.2 พันล้านบาท หลังจากสร้างความร่วมมือกับฟัลครัมแล้ว ฟัลครัมจะมีส่วนสำคัญในการนำฐานลูกค้าและความเข้าใจตลาดมาช่วยปรับปรุงกิจกรรมการขายในตลาดต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมถึงเป็นพันธมิตรสำคัญช่วยออริจิ้นเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อเซ็กเมนท์ใหม่ๆ และตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดยุโรป
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้วางแผนเปิดโครงการใหม่อีก 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ซึ่งเป็นไปตามแผนงานทั้งปีเปิดโครงการวางแผนเปิดตัวอีก 14 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยที่บริษัทมั้นใจยอดขายปีนี้ทำได้ตามเป้า 2 หมื่นล้านบาท และรายได้ยังคงเป้าที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อีก 1.25 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ไตรมาส 1/61 รับรู้ไปแล้ว 2.5 พันล้านบาท โดยที่ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ทั้งหมด 2.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนการวางแผนดำเนินการผลักดันบริษัทย่อยในเครือ ORI เข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดๆได้หลังจากที่บริษัทเซ็นสัญญากับที่ปรึกษาทางการเงินและที่ปรึกษาทางกฏหมาย คือ เอเซีย พลัส และบริษัท ฮันตัน แอนด์ วิลเลี่ยมส์ (ไทยแลนด์) เพื่อร่วมกันวางแผนผลักดันบริษัทในเครือของ ORI เข้าตลาดหลักทรัพย์
นายแฟรงค์ เหลียง กรรมการผู้จัดการ ฟัลครัม โกลบอล กล่าวว่า นับเป็นโอกาสอันน่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างออริจิ้นและฟัลครัม หลังจากที่ฟัลครัมเคยประสบความสำเร็จในฐานะนักลงทุนที่เข้าซื้อคอนโดมิเนียมมากกว่า 450 ห้องของโครงการพาร์ค 24 และเคยร่วมเปิดตัวเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ "The Park at EM District" บริหารโดยดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด จนเป็นที่สนใจอย่างมากสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมั่นคงและมีการบริหารจัดการที่ดี
นอกเหนือจากการเข้าลงทุนโดยตรงแล้ว ฟัลครัม ยังเคยร่วมงานกับออริจิ้น ในการโปรโมทโครงการต่างๆ หลายโครงการในตลาดต่างประเทศ เช่น โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 โครงการเคนซิงตัน สุขุมวิท-เทพารักษ์ โดยมียอดขายรวมกว่า 1.5 พันล้านบาท
"ตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยถือเป็นตลาดที่น่าดึงดูดมากในสายตาผู้ซื้อชาวต่างชาติ ที่ผ่านมา มีการประเมินว่าในปี 60 มีตลาดสำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติในอสังหาริมทรัพย์ไทยกว่า 1.2 แสนล้านบาท และคาดว่าจะมีการเติบโตถึง 40% ในปี 61 สำหรับโครงการของออริจิ้นได้สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในแง่ของทำเล แนวคิดโครงการ การจัดวางผังห้อง สิ่งอำนวยความสะดวก"นายแฟรงค์ กล่าว