บมจ.ไมด้า แอสเซ็ท (MIDA) ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% และกำไรสุทธิสูงกว่าปี 57 ที่ทำได้ 84.19 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 1/61 มีกำไรแล้วกว่า 38 ล้านบาท และเชื่อช่วงที่เหลือของปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากเปิดโรงแรมใหม่เพิ่ม ขณะที่โรงแรมเดิมปรับตัวดีขึ้น
ในปีนี้บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมอีก 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5 พันล้านบาท ประกอบด้วย แนวราบ 4 โครงการ แนวสูง 1 โครงการ ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ ส่วนสต็อกโครงการพร้อมขายมีจำนวน 400-500 ยูนิต มูลค่ารวมราว 1,250 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในครึ่งหลังของปี 62
นายวิสูตร เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ MIDA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโต 20% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 2,732.21 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิจะสูงกว่าปี 57 ที่ระดับ 84.19 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 1/61 มีกำไรแล้วกว่า 38 ล้านบาท และเชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มเติมขณะที่โรงแรมเก่าปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับบริษัทมีการเลิกกิจการที่ขาดทุนที่ช่วงที่ผ่านมา
ในปีนี้บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมอีก 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5 พันล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแนวสูง (คอนโดมิเนียม) ในพัทยา 1 โครงการ และ โครงการแนวราบอีก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการในจังหวัดนครปฐม 3 โครงการ มูลค่าโครงการละประมาณ 700-1 พันล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี 1 โครงการ มูลค่าโครงการราว 800 ล้านบาท
บริษัทมองว่าโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบยังมีความต้องการหนาแน่น รวมถึงกลุ่มเป้าหมายในทำเลที่บริษัทมีแผนเปิดโครงการมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ประกอบกับ บริษัทมีที่ดินสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการไว้แล้ว นอกจากนี้ยังมองเห็นโอกาสในการขยายโครงการแนวราบในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยองเพิ่มเติม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อจัดซื้อที่ดิน
"มองว่าพื้นที่ในต่างจังหวัดเหมาะสำหรับโครงการที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยคาดว่าจะใช้พื้นที่ราว 15-20 ไร่ต่อโครงการ ซึ่งบริษัทมียอดขายในต่างจังหวัดค่อนข้างดี แต่ยอดโอนยังไม่ดีนักจากการปฏิเสธสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทได้มีแผนการจัดการอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Reject rate) ให้ลดลงเป็นไม่เกิน 10% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 30% จากการมีขั้นตอน Pre-approve"
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ ส่วนสต็อกโครงการพร้อมขายมีจำนวน 400-500 ยูนิต มูลค่ารวมราว 1,250 ล้านบาท ซึ่งมองว่ามีสต็อกโครงการที่อาจขายได้ค่อนข้างยากจำนวนราว 100 ยูนิต
ปัจจุบัน บริษัทยังมีที่ดินที่พร้อมพัฒนาโครงการจำนวนกว่า 300 ไร่ ส่วนที่ดินที่ไม่สามารถพัฒนาโครงการอีกกว่า 200 ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งยังต้องติดตามว่าจะมีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดของผังเมืองหรือไม่ในอนาคต
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยมีแผนขายธุรกิจโรงแรมมาเป็นสินทรัพย์คาดว่ามูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท โดยจะมีความชัดเจนในครึ่งหลังของปี 62 เนื่องจากยังต้องรอการเปิดตัวของโรงแรม"อักษร ระยอง เดอะ เวลลิตี้ คอลเลคชั่น Concept Hotel" ในไตรมาส 3/61
อนึ่ง MIDA ร่วมทุน เวลลิตี้ (Wellity Pte. Ltd.) ผู้ริเริ่มนวัตกรรมใหม่ด้านบริษัทบริหารการจัดการโรงแรมแนวสุขภาพชั้นนำจากสิงคโปร์ ในบริษัท เอ็มดับเบิ้ลยู เวลเนส แมเนจเมนท์ (MW Wellness Management Co., Ltd.พร้อมเปิดตัวโรงแรมอักษร ระยอง เดอะ เวลลิตี้ คอลเลคชั่น Concept Hotel ในจังหวัดระยองที่สอดประสาน Lifestyle & Wellness พร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริหารตามมาตรฐานสากล รวมถึงการบริการสำหรับสุขภาพแบบองค์รวม